โฆษกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เผยที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่รัฐมนตรีทั้ง 3 คนถือครองหุ้นอยู่เกินกว่า 5% เป็นคู่สัญญากับกระทรวงที่รัฐมนตรีทั้ง 3 ดำรงตำแหน่งอยู่หรือไม่ เพราะหากเป็นคู่สัญญาจะถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 100
"ที่ประชุมมีมติให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง...เพื่อจะได้นำมาประกอบการพิจารณาว่ามีการกระทำอันมีลักษณะเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 100 หรือไม่" นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษก ป.ป.ช.กล่าว
เมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่าน ป.ป.ช.ออกมาชี้ว่า มีรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ 3 คนถือครองหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทเกินกว่า 5% ซึ่งแม้จะไม่มีความผิดตามกฎหมายแต่เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม จนส่งผลให้นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) และนางอรนุช โอสถานนท์ รมช.พาณิชย์ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เหลือเพียงนายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย ที่ยังยืนยันที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อไป
ทั้งนี้ นายสิทธิชัยถือครองหุ้นในบริษัท วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนานาชาติ 16.17%, บริษัท อุตสาหกรรมอวกาศไทย 31.33% และบริษัท วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี 31.36% ส่วนนางอรนุชถือครองหุ้นใน หจก.บ้านดอกพุด 66.67%, บริษัท บุณยพรหม 2548 จำนวน 50% และบริษัท อุดมแร่มรวย 50% ขณะที่นายอารีย์ถือครองหุ้นในบริษัท ตรังชัวร์ 20%
โฆษก ป.ป.ช.กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ที่ประชุมฯ มีมติรายงานเรื่องที่รัฐมนตรีทั้ง 3 คนถือครองหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทเกินกว่า 5% ให้นายกรัฐมนตรีและประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว
--อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--