นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุว่า พรรคเพื่อไทยได้เตรียมความพร้อมเข้าสู่สนามการเลือกตั้งในครั้งหน้า สืบเนื่องจากความล้มเหลวของรัฐบาล ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนได้ ขณะที่ความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลยิ่งทำให้เสถียรภาพสั่นคลอน หากเพลี่ยงพล้ำก็มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองทุกเมื่อ
โดยได้เปิดให้ประชาชนคนไทยทั่วประเทศเข้ามามีส่วนร่วม และเป็นส่วนหนึ่งในการเข้ามาแก้ไขปัญหาของประเทศร่วมกับพรรคเพื่อไทย ผ่านแคมเปญ "ครอบครัวเพื่อไทย แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน" เป็นการประสานความร่วมมือกับประชาชนในวงกว้าง ให้ผู้ที่สนใจและสนับสนุนพรรค แต่ยังไม่พร้อมสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมือง สามารถเข้าร่วมเป็นครอบครัวเพื่อไทยได้ ซึ่งมีความแตกต่างจากการเป็นสมาชิกพรรค คือ การลดข้อจำกัดเรื่องคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมลง เช่น ไม่จำกัดอายุ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสมัคร เป็นต้น
"รากฐานของระบอบประชาธิปไตยที่แข็งแรง เกิดการจากมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างกว้างขวาง พรรคเพื่อไทยจึงขอเชิญผู้มีหัวใจรักประชาธิปไตย และอยากเห็นประเทศไทยที่ดีขึ้น ร่วมแสดงพลังและเจตจำนงสนับสนุนพรรคการเมืองตามครรลองประชาธิปไตย ลงชื่อเป็นครอบครัวเพื่อไทย เพื่อการสนับสนุนพรรคให้ชนะการเลือกตั้งรอบหน้าแบบแลนด์สไลด์ ปลดสลักโซ่ตรวจที่พันธนาการประเทศไทยไปด้วยกัน" นายชนินทร์ กล่าว
น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะมีกิจกรรมที่เป็นการเชื่อมต่อ ส.ส. กรรมการบริหารพรรค สมาชิกพรรค ร่วมกับประชาชน ในการร่วมกันแก้ปัญหา มองหาสิ่งใหม่ เพื่อโอกาสของคนไทยที่จะกลับมามีชีวิตที่ดีกว่านี้ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าวันนี้
โดยในวันที่ 6 ธ.ค.64 กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย นำโดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค จะลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นจังหวัดแรก เพื่อรับฟังปัญหาพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกข้าว หลังจากได้รับการร้องเรียนจากชาวนาที่ได้เข้ามาสะท้อนปัญหาจากโครงการรับประกันราคาข้าวที่พรรคเพื่อไทยในช่วงก่อนหน้านี้ รวมทั้งร่วมกันหาทางออกใหม่ๆ ในการยกระดับชีวิตเกษตรกรไทย
"พรรคเพื่อไทยเราทำหน้าที่ในสภาอย่างเต็มที่เพื่อสร้างความเข้มแข็งตามกระบวนการนิติบัญญัติ แต่หากเสียงของพี่น้องประชาชนส่งไปไม่ถึงรัฐบาล พูดไปแล้วเขาไม่ฟัง ไม่สนใจ ไม่เข้าใจ เราจะไปหา หัวใจของเรา ประชาชนคือศูนย์กลาง คือหลักคิดที่เรายึดมั่นมาโดยตลอดไม่เปลี่ยนแปลง" น.ส.ธีรรัตน์ กล่าว