(เพิ่มเติม) 4 กุมารเปิดตัวพรรคใหม่ลั่นไม่เอา "ประยุทธ์" ชูทางเลือก "ไม่ ซ้ายสุดขั้ว/ขวาสุดโต่ง"

ข่าวการเมือง Wednesday January 19, 2022 17:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

(เพิ่มเติม) 4 กุมารเปิดตัวพรรคใหม่ลั่นไม่เอา

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ แกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวในการเปิดตัวพรรคว่า จะไม่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีในนามของพรรค หากมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ แต่แคนดิเดทจะเป็นใครนั้นพรรคจะพิจารณาโดยคำนึงว่าต้องเป็นผู้ที่ก้าวข้ามความขัดแย้ง มีความสามารถในการบริหารงาน มีความเป็นผู้นำ และได้รับการยอมรับในวงการต่างประเทศ

ส่วนจะเป็นชื่อของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม 4 กุมารหรือไม่นั้น ขอให้เป็นกระบวนการตัดสินใจของพรรค เพราะการเสนอชื่อแคนดิเดทนายกฯ 3 ชื่อในนามของพรรคต้องผ่านกระบวนการคัดเลือกตามความเหมาะสมด้านคุณสมบัติ แต่นายสมคิดเป็นผู้ที่มีความสนิทสนมและไม่เคยทอดทิ้งกลุ่มผู้ก่อตั้งพรรคอยู่แล้ว

นายสนธิรัตน์ ยืนยันว่า พรรคสร้างอนาคตไทยไม่ได้เป็นนอมินีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ใช่การสืบทอดอำนาจให้กับใคร ไม่ใช่พรรคการเมืองเฉพาะกิจ หรือเป็นอะไหล่ให้กับใคร แต่เราจะเลือกว่าจะทำงานกับใครที่มีอุดมการณ์สอดคล้องกัน

"ยืนยันที่จะไม่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดทนายกฯ ไม่ได้เป็นข้อขัดแย้ง แต่เป็นจุดยืนของพรรค" นายสนธิรัตน์ กล่าว

พร้อมย้ำว่า จุดยืนของพรรคจะไม่ซ้ำเติมความแตกแยก ความเห็นที่แตกต่างจะไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง ส่วนการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเมื่อตอนเป็นรัฐบาลนั้น ก็ได้ดำเนินการไปบ้างแล้ว แต่ด้วยระยะเวลาที่จำกัดจึงยังไม่เรียบร้อย

การแถลงเปิดตัวพรรคในช่วงบ่ายวันนี้ นำโดย นายอุตตม สาวนายน อดีต รมว.คลัง และนายสนธิรัตน์ ซึ่งเป็น อดีต รมว.พลังงาน พร้อมด้วยนักการเมือง นักธุรกิจ และบุคคลหลากหลายวงการเปิดหน้าร่วมเป็นผู้ร่วมอุดมการณ์และผู้สนับสนุน

เบื้องต้นมีนักการเมืองที่เปิดชื่อเข้าร่วม เช่น นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ นายสุพล ฟองงาม และนายสันติ กีระนันท์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ รวมถึง นายมนต์ชีพ ศิวะสินางกูร หรือ ครูเป็ด อดีตกรรมการบริหารพรรคกล้า นายวัชระ กรรณิการ์ อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นต้น

ส่วนนักธุรกิจและผู้มีชื่อเสียงในสังคม เช่น นายนริศ เชยกลิ่น อดีตผู้บริหารระดับสูงด้านอสังหาริมทรัพย์และการเงิน นายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) คนสนิทของนายสมคิด นายณพพงศ์ ธีระวง อดีตประธานสมาพันธ์ SME นายโอฬาร วีระนนท์ ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมฟินเทคประเทศไทย

นายพงศ์พรหม ยามะรัต อดีตซีอีโอบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำและนักต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อม นายวิรัช วิฑูรย์เธียร อดีตหัวหน้าผู้เชี่ยวชาญสิ่งแวดล้อมจากธนาคารโลก นายอิธวัฒน์ พิทักษ์คุมพล รองเลขาธิการจุฬาราชมนตรี ศ.กำพล ปัญญาโกเมศ อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) นายบุญส่ง ชเลธร ผู้เชี่ยวชาญด้านระบฐสวัสดิการประเทศยุโรป เป็นต้น รวมทั้งบุคคลที่มีบทบาทในสังคมและชุมชน

"การเปิดตัวพรรคในวันนี้เราได้รวมขุนพลชุดที่ 1 และจะมีชุดอื่นๆ ตามมา พรรคนี้ไม่ใช่พรรคการเมืองแต่อย่างเดียว แต่จะเป็นพรรคของภาคประชาชน ไม่เพียงแต่เป็นการระดมความเห็นของประชาชนเท่านั้น" นายสนธิรัตน์ กล่าว

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ได้นำผู้ที่มีเจตนารมย์ในการสร้างพรรคการเมืองมาเปิดตัว ก่อนหน้านี้ไม่คิดที่จะทำงานการเมืองหลังจากได้ทำงานมาหลายปีแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าบ้านเมืองยังมีปัญหา จึงอยากทำให้ประชาชนมีความหวังที่จะฟันฝ่าวิกฤติ เพราะมองว่าสิ่งที่มีอยู่ในขณะนี้นั้นยังไม่เพียงพอ

อย่างไรก็ดี ยอมรับว่าการตั้งพรรคการเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น

"ประเทศถลำลึกจากการบริหาร และสถานการณ์โควิด-19 และเห็นว่ายังมีพลังที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เป็นความหวัง" นายสนธิรัตน์ กล่าว

พร้อมระบุว่า หากมีเรื่องไหนที่สำคัญพรรคจะเร่งดำเนินการนำเสนอให้มีการผลักดันทันที ถึงแม้จะต้องแก้กฎหมาย โดยจะไม่รอให้ถึงการเลือกตั้ง

นายอุตตม แกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย เปิดเผยว่า การตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาที่สะสมกันมา ทั้งวิกฤตโควิด-19, ราคาสินค้าแพง, ปัญหาความขัดแย้งในสังคม ซึ่งไม่ได้เป็นแค่พรรคการเมือง แต่จะเป็นพื้นที่เปิดรับบุคลากรหลากหลายอาชีพที่จะเข้ามาช่วยกันทำช่วยกันคิด เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ฟื้นฟูประเทศ และขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ

"สถานการณ์ขณะนี้น่าเป็นห่วง ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง รายได้ที่ถดถอยสวนทางกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น และปัญหาเศรษฐกิจทำให้เกิดปัญหาสังคมเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำ บั่นทอนคุณภาพชีวิต" นายอุตตม กล่าว

พร้อมระบุว่า หลังจากที่ตนและนายสนธิรัตน์ ออกจากรัฐบาลมา 1 ปีครึ่ง ได้รับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้ประเทศเดินหน้าต่อไปอีกครั้ง จึงเป็นที่มาของการตั้งพรรคการเมืองที่รวบรวมบุคลากรหลากหลายอาชีพเพื่อเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา ไม่ให้ประชาชนเกิดความท้อแท้ โดยจะเปิดโอกาสให้มีการพัฒนาความสามารถ การเข้าถึงแหล่งทุน การดูแลสิทธิและเสรีภาพให้เกิดความเท่าเทียมและเสมอภาค

"เราจะไม่ซ้ายสุดขั้ว ไม่ขวาสุดโต่ง จะไม่โกง ไม่ปล้นชาติ อาสาเป็นอีกทางเลือกให้ประชาชน" นายอุตตม กล่าว

นายอุตตม กล่าวว่า จุดยืนของพรรคคือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องปากท้องของประชาชน ไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง ซึ่งจะเห็นได้จากสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันที่มีความขัดแย้งจนไม่สามารถทำงานได้ พรรคจะไม่เอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง และจะทำงานเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อคนใดคนหนึ่ง

"เมื่อเงื่อนไขการเมืองเปลี่ยนจึงเดินออกมา เมื่อผมเดินออกมาแล้วจะไม่หันหลังกลับ" นายอุตตม กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ