นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ตอบกระทู้ถามสดของนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในประเด็นการประมูลโครงการท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (อีอีซี) กรณีไม่ใช้วิธีการเปิดประมูลทั่วไป แต่กลับใช้วิธีคัดเลือกที่เลือกเฉพาะบริษัทที่มีคุณสมบัติ แต่มีขนาดเล็กมาแข่งขัน แทนที่จะเลือกบริษัทใหญ่ที่มีคุณสมบัติว่า สาเหตุที่ไม่เลือกวิธีการประมูล เพราะทางกรมธนารักษ์ไม่มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการท่อส่งน้ำ และไม่มีความรู้เพียงพอจึงต้องจ้างที่ปรึกษา คือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ศึกษา ซึ่งได้รับข้อเสนอแนะว่า เนื่องจากการโครงการท่อส่งน้ำเป็นโครงการที่สำคัญมาก หากผิดพลาดจะเกิดความเสียหายใหญ่หลวง ดังนั้นทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จึงให้คำปรึกษาว่าควรจะยกเว้นวิธีเปิดประมูลทั่วไป และให้ใช้วิธีการคัดเลือกแทน
ซึ่งต่อมาทางกรมธนารักษ์ ได้คัดเลือก บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA), บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (EASTW) , บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) และ การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ตามข้อเสนอขงอมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จากนั้นมีผู้เสนอตัวขอคัดเลือกด้วย คือ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด และ บมจ.วิค (WIIK)
ส่วนกรณีที่มีการยกเลิกการคัดเลือกเอกชนฯ ในครั้งแรกนั้น นายสันติ กล่าวว่า ทราบมาจากกรมธนารักษ์ว่า ไม่สมบูรณ์เกี่ยวกับการใช้ปริมาณน้ำที่ต่างกัน และในทีโออาร์ไม่ได้กำหนดด้วย ฉะนั้น ถ้าเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ ตัดสินเลือกบริษัทใดก็จะเป็นปัญหาตาม เมื่อเป็นดังนั้นจึงได้ยกเลิก และในครั้งที่สองก็ให้ทั้ง 5 บริษัทเข้าแข่งขันอีกรอบ โดยเพิ่มเติมความสมบูรณ์ของทีโออาร์
"EASTW เข้าใจว่าตัวเองชนะประมูลได้อย่างไร ในเมื่อไม่ได้เปิดซอง สงสัยว่าทำไมถึงรู้ราคาเหล่านี้ ซึ่งผมจะได้ไปตรวจสอบคณะกรรมการชุดนี้ ผมยังข้องใจอยู่ อย่างไรก็ตาม กรณีที่ EASTW ไปฟ้องศาลปกครองและขอคุ้มครองฉุกเฉิน ซึ่งปรกาฎว่าศาลได้วินิจฉัยมาแล้วว่า กรมธนารักษ์ทำตามระเบียบถูกต้อง เมื่อเห็นว่าทีโออาร์ไม่สมบูรณ์ก็ยกเลิก แล้วให้ 5 บริษัทยื่นซองใหม่อีกครั้ง เพื่อให้เกิดความชัดเจนและโปร่งใส ผมยังกังวลว่าหาก EASTW ไม่มายื่นอีกครั้งจะเกิดข้อครหาแน่ แต่ EASTW ยืนมาครั้งใหม่ 2.4 หมื่นล้านบาท แต่วงษ์สยามฯ ยื่นมา 2.5 หมื่นล้านบาท แต่ที่ผ่านมา 30 ปี EASTW จ่ายผลตอบแทนให้กรมธนารักษ์เพียง 500 กว่าล้านบาทเท่านั้น ซึ่งผมก็ตกใจเงินหลายหมื่นล้านหายไปไหน และจะได้ตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่เพื่อชี้แจงกับประชาชนด้วยว่ารายได้ของรัฐหายไปไหน"
ในช่วงท้ายของการตั้งกระทู้ถามสด นายยุทธพงศ์ ระบุว่า จะนำเรื่องนี้ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจล้มรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่ระบุว่ามีหน้าที่เพียงกำกับดูแล โดยขอเตือนว่า การไม่จัดการปัญหาอะไรเลย ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157