นักวิเคราะห์กล่าวภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า นายหม่า อิ๋ง จิ่ว ว่าที่ประธานาธิบดีไต้หวันเตรียมเปิดฉากศตวรรษใหม่ด้วยการปรับปรุงความสัมพันธ์กับจีนตามที่ได้ให้คำมั่นไว้ แต่ไม่ควรคาดหวังผลว่าเรื่องดังกล่าวจะสัมฤทธิ์ผลในเร็วๆนี้มากนัก ชาง วู ยิว อาจารย์สถาบันวิจัยจีน มหาวิทยาลัยทัมกางคาดว่า จะมีการเปิดการเจรจาในทันทีอีกรอบระหว่างมูลนิธิข้ามคาบสมุทรไต้หวันและสมาคมความสัมพันธ์คาบสมุทรไต้หวันของจีน ซึ่งเป็นองค์กรกึ่งทางการที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาล และทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการติดต่อของทั้ง 2 ฝ่าย อย่างไรก็ตาม ชาง วู ยิว ได้แสดงความเห็นอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดความคืบหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว “มติจะออกมาเป็นอย่างไรคงต้องคอยดูต่อไป " ชาย วู ยิว ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์ลู บี หรง อาจารย์มหาวิทยาลัยซูโจว กล่าวว่า “การเลือกตั้งแสดงให้เห็นว่าชาวไต้หวันมอบอำนาจให้พรรคก๊กมินตั๋งเปิดความสัมพันธ์โดยตรงและผลักดันให้เกิดตลาดเดียวกับจีน" นักวิเคราะห์คาด ปักกิ่งและไทเปจะเปิดเจรจาการท่องเที่ยวและเส้นทางบินตรง 2 ประเทศ อีกครั้ง แต่พักเรื่องการเมืองไว้ชั่วคราว “ไต้หวันและจีนจะกลับมาเจรจาร่วมกันในหัวข้อเรื่อง “ ฉันทามติ 1992 " ในเร็วๆนี้ เพื่อเป็นการอภิปรายปัญหาในทางปฏิบัติ แต่จะไม่พูดถึงเรื่องอำนาจอธิปไตย" กาโอ จิงซิง นักวิเคราะห์การเมืองแห่งมหาวิทยาลัยซินหัวของจีนกล่าวจีนอ้างว่ามีอำนาจอธิปไตยเหนือไต้หวัน ซึ่งแยกตัวจากแผ่นดินใหญ่ในปี 1949 หลังสงครามกลางเมือง และจีนขู่ว่าจะบุกยึดเกาะไต้หวันซึ่งปกครองตนเองหากมีการประกาศอิสระภาพ จีนและไต้หวันยอมรับสูตร “ จีนเดียว" ภายใต้ข้อตกลง ฉันทามติ 1992 แต่ได้ตกลงตีความอำนาจอธิปไตยตามแบบของตนเอง ส่งผลให้ไต้หวันมีสถานภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบันแต่ไม่ได้ประกาศอิสระภาพ ในปี 1993 ทั้ง 2 ประเทศเปิดการเจรจากึ่งทางการเป็นครั้งแรกในสิงคโปร์ แต่ได้เลื่อนการเจรจาออกไปใน 2-3 ปีต่อมาชาง ลิน เชง อาจารย์คณะรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวันเตือนให้ หม่า อิ๋ง จิ่ว ระมัดระวังในการผลักดันให้เกิดการเจรจาทางการเมือง