นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยกำหนดเงื่อนไขไม่รวมคดีทุจริต คดีอาญาร้ายแรง และความผิดเกี่ยวกับกฎหมายอาญามาตรา 112 ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่เคยเปรยเรื่องการนิรโทษกรรม แม้แต่ในรัฐบาลก็ไม่เคยได้ยินใครพูดถึงเรื่องนี้
นอกจากนี้ มองกว่าหากจะผลักดันเรื่องดังกล่าวน่าจะเป็นผลลบมากกว่า ยิ่งมาทำใกล้ช่วงปลายรัฐบาลนี้ เพราะจะถูกการเมืองนำไปตีความต่างๆ พร้อมระบุว่าคนที่ทำเรื่องนี้ต้องถามว่ายังไม่เข็ดอีกหรือ เนื่องจากเคยมีความคิดทำเรื่องนี้มาแล้วก็กลายเป็นเรื่อง
ส่วนที่นพ.ระวี ระบุว่า มีการกำหนดเงื่อนไขที่รัดกุม จะไม่ใช่การนิรโทษกรรมแบบสุดซอย นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า อาจมีวิธีเขียนให้ผลออกมาคล้ายๆ กันแต่ดูนุ่มนวลกว่าก็ได้ ใส่เงื่อนไขใส่หลักเกณฑ์และวิธีการเข้าไป เพราะในระหว่างการพิจารณาของสภาฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหา
"อันนี้แหละที่น่ากลัว ส่วนน่ากลัวอย่างไร เหมือนที่สื่อถาม ก็คือตั้งต้นเสียดี แต่พอไปถึงปลายทางอาจไม่เหมือนที่ตั้งใจไว้"ส่วนการที่ พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ยังไม่ผ่านสภา ทางออกที่เร็วและง่ายที่สุดคือ กระทรวงสาธารณสุขปรับแก้ระเบียบให้รัดกุมขึ้น และนำข้อห่วงใยต่างๆ เข้ามาเขียนในประกาศใหม่ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ถูกต้องและง่ายกว่า ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะทำหรือไม่ตนไม่ทราบ
ส่วนกรณีที่ แพทยสภา และนายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย พร้อม ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน จะยื่นฟ้อง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอเพิกถอนประกาศกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ลงวันที่ 8 ก.พ. 2565 เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ.2565 ทั้งนี้เพื่อให้เพิกถอนประกาศปลดล็อกกัญชา พร้อมขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวด้วยการทุเลาการบังคับ นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้าจะทำให้กัญชากลับมาเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 อีกก็ต้องแก้กฎหมาย เพราะได้ถอดออกจากพ.ร.บ.ยาเสพติดไปแล้ว แต่ถ้าต้องการจะควบคุมให้เข้มงวด น่าจะสามารถมีวิธีอื่นที่ควบคุมได้โดยไม่ต้องไปแก้กฎหมาย