นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวในกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย จ.นครศรีธรรมราช "ครอบครัวเพื่อไทย แหลงจริง ทำได้ คนใต้หรอยแรง" ว่า การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคการเมืองที่ "คิดใหญ่ ทำเป็น" กับพรรคการเมืองที่ "คิดแบบเดิมมาตลอด 8 ปี" การประกาศวิสัยทัศน์ของพรรคเพื่อไทยในการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท/วัน ภายในปี 2570 เงินเดือนผู้จบปริญญาตรี 25,000 บาทภายในปี 2570 นั้นพรรคมั่นใจว่าทำได้จึงประกาศเป็นนโยบาย
"สิ่งที่ประกาศไปเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2565 เป็นเพียงหมัดแยบ แต่หลังจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา พรรคเพื่อไทยมีหมัดน็อคอีกแน่นอน จึงอยากขอเชิญชวนทุกพรรคการเมืองสู้กันด้วยนโยบาย รบกันด้วยนโยบาย" นายณัฐวุฒิ กล่าว
พร้อมระบุว่า เวลานี้คนไทยทั้งประเทศกำลังมองหาทางไปของบ้านเมือง อนาคตของแผ่นดิน และนายกรัฐมนตรีที่เป็นความหวัง ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็น 1 ในว่าที่แคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยแน่นอน ส่วนอีก 2 คน รอการประกาศอย่างเป็นทางการจากพรรคอีกครั้ง
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การที่ น.ส.แพทองธาร ประกาศวิสัยทัศน์ในปี 2570 ว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะมีรถไฟรางคู่ทุกเส้นทาง, 30 บาทรักษาทุกโรค ใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว ส่วนภาคการเกษตร วิสัยทัศน์เราไม่ใช่แค่ยกหนี้ แต่ล้างหนี้ ไม่ใช่การกู้หนี้มาแจก แต่สร้างรายได้ด้วยการสร้างทักษะ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพื่อนำรายได้มาล้างหนี้
"หากลุงป้อม ลุงตู่ ลุงกำนันรวมกัน เมื่อมีการเลือกตั้ง พวกเขาจะรุมพรรคเพื่อไทย เล่นเกมปิดล้อม ที่ผ่านมาเอาเปรียบในกติกาแล้ว ยังเอาเปรียบด้วยกลไกการเมืองสารพัด หากพรรคเพื่อไทยกลัว หากเพื่อไทยยอม เรายอมไปนานแล้ว แต่เราเชื่อมั่นว่า เรายืนเคียงข้างอยู่กับพี่น้องประชาชน" ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทยกล่าว
พร้อมระบุว่า หากพี่น้องประชาชนต้องการเปลี่ยนรัฐบาล ไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ ก็ขอให้เลือกพรรคเพื่อไทย แต่หากเลือกพรรคอื่น ไม่ว่าจะเป็นพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย หรือพรรคไหน ก็จะได้พล.อ.ประยุทธ์เหมือนเดิม
"พรรคเพื่อไทยไม่เล่นการเมืองแบบภูมิภาค พรรคเพื่อไทยมาอยู่ตรงนี้เพื่อมาประกาศว่า ถ้าเป็นคนไทยที่อยากเห็นประชาธิปไตย อยากเห็นบ้านเมืองเดินหน้าอยากเห็นการแก้ไขปัญหาด้วยนโยบาย พี่น้องประชาชนเป็นคนภาคไหน ก็เลือกเพื่อไทยได้ทั้งประเทศ" นายณัฐวุฒิ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐวุฒิ ได้กล่าวภายหลังขึ้นเวทีกิจกรรมที่ประกาศให้น.ส.แพทองธาร เป็น 1 ในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยว่า ตนเชียร์ให้ น.ส.แพทองธาร ได้เป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่กรณีนี้ก็เป็นเรื่องที่หัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคจะพิจารณา ตนในฐานะกองเชียร์ ถ้าพรรคเพื่อไทยประกาศแคนดิเดตนายกฯ ครบทั้ง 3 คน ก็ยังเชียร์ทั้ง 3 คน
ด้านนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า สิ่งที่นายณัฐวุฒิประกาศบนเวทีนั้น เป็นเพียงเสียงเชียร์ของคนที่ต้องการให้น.ส.แพทองธาร เป็นแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งทำให้มีเสียงตอบรับที่ดีมาก โดยพรรคเพื่อไทยจะนำเสียงของประชาชนมาพิจารณาด้วย
ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทย ยังไม่ชัดเจนถึงการประกาศรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ส่วนตนจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับพรรคเพื่อไทยจะพิจารณาหาบุคคลที่เหมาะสมที่สุด และยืนยันพรรคเพื่อไทยเปิดรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ 3 รายชื่อแน่นอน
เมื่อถามย้ำถึงความพร้อมเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในส่วนตัวก็พร้อมทำงานกับพรรคเพื่อไทย และต้องดูว่าประชาชนจะให้ความเมตตาแค่ไหนกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งตนก็ยังพร้อมทำงานกับพรรคเพื่อไทย ส่วนที่ยังไม่ประกาศแคนดิเดตนายกฯ นั้น เพราะพรรคเพื่อไทยกำลังหาตัวเลือกที่ดีให้กับประชาชน ส่วนตนจะได้เป็นหรือไม่นั้น ก็จะทำงานอย่างเต็มที่ ไม่โกรธเคือง ถ้าจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็จะเป็นด้วยความเต็มใจ ซึ่งความตั้งใจอันดับแรก คือ จะต้องทำนโยบายเพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน นำคนออกจากการเป็นหนี้เป็นสิน นั่นคือเป้าหมาย เป้าหมายหลักของตนไม่ใช่นายกฯ แต่เป้าหมายหลักคือการที่พรรคเพื่อไทยได้ทำเพื่อประชาชน
ส่วนนโยบายของพรรคเพื่อไทยจะสู้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมได้หรือไม่นั้น น.ส.แพทองธาร ระบุว่า ถ้านโยบายพรรคเพื่อไทยโดนใจคนใต้ ก็มั่นใจว่าคนใต้จะเลือกพรรคเพื่อไทย