นายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ ของออสเตรเลียกล่าวระหว่างการเยือนจีนเป็นวันแรกว่า ปัญหาสิทธิมนุษยชนในทิเบตมีความสำคัญและชาวออสเตรเลียรู้สึกวิตกกังวลกับปัญหาดังกล่าว ในการปราศรัยที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง นายรัดด์กล่าวว่า "ออสเตรเลียยอมรับว่าจีนมีอำนาจอธิปไตยเหนือทิเบต แต่จีนก็ต้องยอมรับว่าปัญหาสิทธิมนุษยชนในทิเบตเป็นสิ่งที่ต้องเร่งแก้ไขเช่นกัน" "ทุกฝ่ายต้องหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงและพยายามแก้ปัญหาผ่านการเจรจาพูดคุยกัน" เขากล่าว "และผมจะคุยกับผู้นำจีนอย่างตรงไปตรงมาในประเด็นนี้" นอกจากนั้นนายรัดด์ยังวิจารณ์ว่ายังมีปัญหาอีกหลายอย่างในจีน ทั้งปัญหาความยากจน การพัฒนาอย่างไม่เท่าเทียม ปัญหามลภาวะ และปัญหาสิทธิมนุษยชน ก่อนหน้านี้นายรัดด์กล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับประธานาธิบดีบุชระหว่างการเยือนสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มีหลักฐานชัดเจนว่าเกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนในทิเบต พร้อมกระตุ้นให้รัฐบาลจีนเจรจากับองค์ดาไลลามะของทิเบตเพื่อคลี่คลายปัญหาดังกล่าว คำกล่าวของนายรัดด์ส่งผลให้นายจาง จุนไซ เอคอัคราชฑูตจีนประจำออสเตรเลีย ร้องเรียนเรื่องดังกล่าวต่อกระทรวงการต่างประเทศและการค้าของออสเตรเลีย อย่างไรก็ตาม นายรัดด์กล่าวในวันนี้ว่า "ในฐานะที่เป็นมิตรประเทศของจีนมายาวนาน ผมจึงต้องพูดจาอย่างตรงไปตรงมาในประเด็นนี้" พร้อมกันนี้ นายรัดด์ ซึ่งเคยเป็นทูตประจำกรุงปักกิ่งในช่วงปี 1980 และสามารถพูดภาษาจีนกลางได้อย่างคล่องแคล่ว ได้แสดงจุดยืนว่าการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ณ กรุงปักกิ่ง ควรดำเนินต่อไป ทั้งนี้ นายรัดด์มีกำหนดเยือนจีนเป็นเวลา 4 วัน สำนักข่าวเกียวโดรายงาน