
นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นักลงทุนต่างชาติมีความกังวลต่อการเมืองไทยว่า วานนี้ (13 มิ.ย.) มีการจัดสัมมนาออนไลน์ของบริษัทหลักทรัพย์ โดยมีนักลงทุนเข้าร่วมนับร้อย ซึ่งได้มีการสอบถามถึงปัญหาบ้านเมือง โดยเฉพาะกรณีความไม่แน่นอนทางการเมือง ที่ขณะนี้ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ ทำให้การลงทุนหยุดชะงัก
ซึ่งตนในฐานะที่ทำงานกับพรรคเพื่อไทย ได้แถลงถึงเจตจำนงชัดเจนว่า จุดยืนของพรรคเพื่อไทย ต้องการให้พรรคการเมืองที่ไปทำ MOU สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยเร็ว และอยากให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี เป็นนายกฯ ซึ่งน่าจะได้ช่วยผ่อนคลายปัญหาไปได้มาก
"สิ่งที่เขาห่วงใยมากที่สุด คือประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง มีสิ่งดีๆ อยู่เยอะมาก แต่ความไม่แน่นอนของรัฐบาลรักษาการ ทำให้การลงทุนหยุดชะงัก เขาอยากให้มีการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็ว" นายเศรษฐา ระบุส่วนกรณีที่ยังไม่มีความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล หลังผ่านการเลือกตั้งมา 1 เดือนแล้ว จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในไทยอย่างไรนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ขณะนี้มีตัวแปรค่อนข้างมาก ทำให้เป็นความกังวลของนักลงทุน หากมีการตั้งรัฐบาลได้โดยเร็ว คงไม่มีแนวโน้มที่นักลงทุนจะย้ายฐานการผลิต แต่ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่ด้วย เชื่อว่ารัฐบาลใหม่ก็น่าจะสนับสนุนการลงทุนในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม การเดินสายพบปะกับนักธุรกิจและภาคเอกชน ของนายพิธา ก็จะเป็นส่วนหนึ่งในความมั่นใจว่ารัฐบาลใหม่พร้อมที่จะเข้ามาสานต่อเรื่องของการลงทุน และความตั้งใจของว่าที่นายกรัฐมนตรี ก็เป็นเจตจำนงที่ดีที่เข้าใจถึงภาพรวมของเศรษฐกิจไทย และความต้องการของ SME
"เชื่อว่าคณะทำงานคงจะนำไปเป็นข้อมูลประกอบในการเตรียมตัวจัดตั้งรัฐบาล ทำให้เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาล หรือเลือกนายกฯได้ น่าจะสามารถดึงดูดความสนใจให้มีการกลับมาลงทุนในประเทศไทยได้อีกครั้ง" นายเศรษฐา กล่าวพร้อมแสดงความมั่นใจว่า พรรคร่วม 8 พรรค จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ แม้จะมีตัวแปรเข้ามา และทำให้เกิดความล่าช้าไปบ้าง