มวลชนนัดชุมนุมสันติหน้ารัฐสภาบ่ายพรุ่งนี้เรียกร้อง ส.ว.เคารพเสียงประชาชน

ข่าวการเมือง Wednesday July 12, 2023 19:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

มวลชนนัดรวมตัวหน้ารัฐสภาในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้เพื่อติดตามการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในวันนี้มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานภาพ ส.ส.ของนายพิธา ลิ่มเจริญรัตน์ แคนดิเคตของพรรคก้าวไกลในประเด็นการถือหุ้นสื่อ ITV

ประชาชนในหลายจังหวัดเริ่มนัดรวมตัวกันในช่วงเย็นวันนี้ เพื่อแสดงความเห็นคัดค้านมติของ กกต. และกังวลการที่ ส.ว.จะไม่ยกมือสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่าพรรคก้าวไกลจะชนะการเลือกตั้งเข้ามาเป็นพรรคอันดับหนึ่ง และจับมือรวมกัน 8 พรรคการเมืองเพื่อจัดตั้งรัฐบาล จึงต้องการออกมาเรียกร้องให้ ส.ว.เคารพเสียงของประชาชน

ขณะที่ใน กทม.มวลชนหลายร้อยคนรวมตัวกันที่หน้าสกายวอล์ค หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพฯ ตามที่นายอานนท์ นำภา อดีตแกนนำกลุ่มราษฎรนัดหมายในเวลา 18.00 น. เพื่อแสดงพลัง โดยมีผู้มีความเห็นในทางเดียวกันทยอยได้ขึ้นปราศรัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งประกาศนัดรวมตัวกันอีกครั้งที่หน้ารัฐสภา เช่นเดียวกับที่พรรคก้าวไกลได้เชิญชวนประชาชนสวมเสื้อสีส้มมาร่วมกันติดตามการโหวตนายกรัฐนตรีที่รัฐสภา

แกนนำการชุมนุมวันนี้ ได้ประกาศว่า ขอให้การชุมนุมในวันพรุ่งนี้เป็นไปอย่างสงบ ขอให้มวลชนังแกนนำบนเวทีปราศรัยเท่านั้น อย่าก่อเหตุความวุ่นวายหรือเคลื่อนขบวนไปที่ใดหากแกนนำไม่ได้แจ้ง เพราอาจจะเข้าทางฝ่ายตรงข้าม ขณะที่มีการส่งข้อมูลแชร์ต่อ ๆ กันในสื่อโซเชียลนัดหมายเวลารวมตัวกันในเวลา 15.00 น.ของวันพรุ่งนี้

นายธัชพงศ์ แกดำ หนึ่งในแกนนำ กล่าวว่า การชุมนุมวันนี้เพื่อส่งสัญญาณถึงส.ส.-ส.ว.ในการโหวตนายกรัฐมนตรีวันพรุ่งนี้ ขอให้เคารพกติกาตามเสียงของประชาชน โดยยืนยันว่าผู้ชุมนุมที่จะไปร่วมชุมนุมจะไม่มีการไปขัดขวางทางเข้า-ออก ของส.ส.และส.ว. พร้อมสนับสนุนพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 8 พรรคไม่ให้แตกกัน

ขณะที่ น.ส.ธนพร วิจันทร์ กลุ่มเครือข่ายแรงงาน กล่าวว่า ขอให้ส.ว.เคารพกติกา หากไม่โหวตนายกฯ จะยกระดับการชุมนุมเพื่อให้ประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไปได้

นายอานนท์ นำภา ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน หนึ่งในแกนนำราษฎร กล่าวว่า การมารวมตัววันนี้ เพื่อส่งเสียงว่า พลังประชาชนจะมีพลังอีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่เลือกตั้งแล้วจบ และที่นัดกันวันนี้เนื่องจาก กกต.มีมติส่งคำร้องเรื่องการถือหุ้นไอทีวี ของนายพิธา ให้ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งคนทั้งสังคมทราบดีว่า มันเป็นการใส่ร้าย แต่กกต.ยังดึงดันที่ดำเนินการเรื่องนี้ พร้อมเตือนว่า ต่อไปกกต.ต้องติดคุกสถานเดียว และการยื่นคำร้องในวันสุดท้ายก่อนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ต้องการที่จะหยุดนายพิธา และเพื่อให้ส.ว.นำไปเป็นข้ออ้างในการโหวตให้นายพิธา แต่ประชาชนไม่ยอม

นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญยังมีมติรับร้องเรื่องพรรคก้าวไกลแก้ไขมาตรา 112 อาจขัดรัฐธรรมนูญและเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ซึ่งการแก้ไขกฏหมายเป็นอำนาจของส.ส. ที่ต้องฟังเสียงจากประชาชน 14 ล้านเสียง ซึ่งเราไม่ได้หักด้ามพร้าด้วยเข่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 การกระจายอำนาจเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด การปฏิรูปกองทัพ แต่จะให้ส.ส.ไปเสนอกฏหมาย แต่วันนี้เผด็จการ ชนชั้นนำ คนในสังคมเก่า กำลังจะปิดตายประตูนั้นด้วยการไม่โหวตให้กับรัฐบาลจากพรรคร่วม 8 พรรค

"เขาจะปิดประตูนี้ ไม่ให้มีการแก้ปัญหาโดยสันติ และไม่สนใจเสียงใดๆคนข้างนอก...ผมอยากท้ามีเสียงหนึ่งที่จะไปตะโกนให้ได้ยินถึงในสภา คือ เสียงของประชาชน"นายอานนท์ กล่าว

นายอานนท์ กล่าวว่า เสียงประชาชนผ่านการเลือกตั้งทั้ง 25 ล้านเสียง คือเสียงที่ศักดิ์สิทธิ์ และกำหนดอนาคตของประเทศไว้แล้ว จะเปลี่ยนแปลงจากนี้ไม่ได้ และเสียงทั้ง 312 เสียงคือ การแลนสไลด์ของฝ่ายประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และเตือนส.ว.อย่าแสดงความเป็นกลาง ด้วยการไม่โหวตหรืองดออกเสียง เพราะถือว่า เป็นเสียงที่ไม่เห็นด้วย หรืออาจเกิดเหตุการณ์แปลกๆในวันพรุ่งนี้ เช่น ส.ว.ไม่เข้าสภา เพราะอ้างว่าติดโควิดหรือเพราะกลัวม๊อบ ซึ่งคนเหล่านี้ถือเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองอย่างแท้จริง นายอานนท์ กล่าวว่า ขอแรงเป็นครั้งสุดท้ายพรุ่งนี้ให้ไปนัดรวมตัวกันที่หน้ารัฐสภา ไม่ใช่เป็นการกดดันแต่ไปแสดงสัญลักษณ์ด้วยการยกสามนิ้ว พร้อมกับเชิญชวนประชาชนร่วมกันต่อสู้ทุกรูปแบบทั้งทางโซเชียล รวมถึงการต่อสู้บนท้องถนนก็ต้องทำ พร้อมทั้งเตือนอย่าไปหลงกลเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ "ถ้าพรุ่งนี้เราถูกหักหลัง เราถูกปิดประตูการได้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมากที่มาจากประชาชน การลุกขึ้นต่อสู้จากประชาชนทั่วประเทศในสัปดาห์เกิดขึ้นแน่นอน"นายอานนท์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ