
นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงท่าทีพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังร่วมหารือกับพรรคเพื่อไทยวานนี้ (23 ก.ค.) เป็นการส่งสัญญาณร่วมงานทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ว่า เป็นไปตามที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. ได้แสดงจุดยืนไปแล้ว แต่จะร่วมกันหรือไม่ ต้องมาหารือกันภายในพรรคก่อน ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติ จะนัดประชุมสส.ในวันที่ 26 ก.ค.นี้ เวลา 16.00 น. โดยหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคจะนำผลการหารือมาพูดคุยในที่ประชุม สส. และกรรมการบริหารพรรค
เมื่อถามถึงทิศทางแนวโน้มของสส.รวมไทยสร้างชาติขณะนี้มีความคิดเห็นอย่างไรนั้น นายธนกร มองว่า สส.ภายในพรรคเป็นเอกภาพ ดังนั้น การพูดคุยเจรจาถ้ามีเงื่อนไขทำเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ก็เชื่อว่า สส.ของพรรคไม่มีปัญหา
อย่างไรก็ดี หลังจากหารือกับพรรคเพื่อไทยแล้ว ไม่ได้มีการไปพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะอดีตประธานยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพรรคแล้ว และการประกาศวางมือทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่เกี่ยวข้องกับการเปิดทางให้พรรครวมไทยสร้างชาติ ไปร่วมทางทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด
เมื่อถามถึงแนวคิดของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาระบุว่า หากพรรคเพื่อไทยไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ก็เป็นหน้าที่ของพรรคในลำดับที่ 3 ในการจัดตั้งรัฐบาล คือพรรคภูมิใจไทยนั้น จะถือเป็นการส่งสัญญาณว่าพรรคเพื่อไทยไม่สามารถจะตั้งรัฐบาลได้ใช่หรือไม่ นายธนกร ระบุว่า ตามหลักการพรรคอันดับ 1 จัดตั้งไม่ได้ก็ต้องเป็นพรรคในลำดับที่ 2 และหากพรรคในลำดับที่ 2 ไม่สามารถจัดตั้งได้ก็เป็นพรรคลำดับที่ 3 เป็นไปตามหลักการทั่วไป
นายธนกร แสดงความเห็นใจพรรคเพื่อไทย เนื่องจากมติของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ได้มอบหมายให้พรรคเพื่อไทยไปแสวงหาเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมในแนวทางต่างๆ แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยไปแสวงหาเสียงเพิ่ม ก็กลับถูกแกนนำพรรคก้าวไกลเหน็บแนม และมีมวลชนบุกไปยังที่ทำการพรรคเพื่อไทย ซึ่งตนมองว่าไม่เหมาะสม เหมือนปล่อยให้มีบรรยากาศแบบนี้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นทฤษฎี 2 ขา อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งในที่สุด
"แกนนำจัดตั้งรัฐบาลอันดับ 1 พอเป็นนายกฯ ไม่ได้ไม่มีใครเป็นได้แล้วหรือ นอกจากคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ผมก็ไม่เข้าใจ เพราะที่ผ่านมาหากอันดับ 1 ตั้งไม่ได้ ก็อันดับ 2 ตั้งไป เป็นเรื่องปกติมากทางการเมือง และที่บอกว่ารอไปสัก 10 เดือน ส่วนตัวมองว่าเมื่อเลือกตั้งเสร็จ กลไกการจัดตั้งรัฐบาล การเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีก็ควรเดินหน้าไป แม้มีอุปสรรคบ้าง เพราะมันเป็นการเมืองแบบรัฐสภา ซึ่งสามารถแก้ไขได้ ไม่ควรรอถึง 10 เดือน เพราะประเทศเสียหาย และประชาชนเฝ้ารอดูอยู่ และนักธุรกิจก็เฝ้ารอดูอยู่" นายธนกรกล่าวเมื่อถามว่ามองอย่างไรในท่าทีของพรรคก้าวไกล ที่ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมออกจากพรรคร่วมรัฐบาล นายธนกร กล่าวว่า "แบบนี้มันเป็นเด็กเกินไปหรือเปล่า บ้านเมืองไม่ใช่เด็กเล่นขายของ คนที่จะแต่งงานกันต้องรักกันด้วยใจ ไม่ใช่รักด้วยสมอง"
"เหมือนกับคนที่เป็นแฟนกัน หมั้นกันแล้ว เขาก็เลิกกันได้ เหมือนพ่อแม่คลุมถุงชนมาอย่างนี้ วันหนึ่งเมื่อหมั้นกันแล้ว พ่อแม่คลุมถุงชนมา เขาก็ยังเลิกกันได้เลย เพราะมันไม่ได้รักกันด้วยหัวใจไง ฉะนั้นคนที่จะแต่งงานกัน มันต้องมีความรักที่ออกมาจากใจ ไม่ใช่รักด้วยสมอง แต่ต้องรักด้วยหัวใจ" รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ระบุ