นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เห็นความจำเป็นหรือเหตุผลในการย้ายตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากโรงพยาบาลตำรวจไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน
"หากจะย้ายจากโรงพยาบาลตำรวจก็หมายถึงว่าไม่มีแพทย์เฉพาะทางอีก ซึ่งจะพูดแบบนั้นคงไม่ได้ ซึ่งโรงพยาบาลราชทัณฑ์นั้นยังเข้าใจได้ว่าไม่มีแพทย์เฉพาะทาง แต่โรงพยาบาลตำรวจมีแพทย์เฉพาะทางหมด ด้วยเหตุผลนี้จึงยอมให้ย้ายมาที่โรงพยาบาลตำรวจได้" นายวิษณุ กล่าว
ทั้งนี้โรงพยาบาลตำรวจและโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้มีการทำ MOU กันมานานกว่า 30 ปีแล้วในการส่งต่อผู้ป่วย ซึ่งก็มีกรณีเช่นนี้มาแล้วหลายรายและมีความปลอดภัยกว่าไปที่อื่น เพราะตำรวจสามารถจัดกำลังเข้าไปดูแลได้ ซึ่งกรณีของนายทักษิณ ทางกรมราชทัณฑ์จะจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแล 4 คน ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจัดกำลังเข้าไปดูแลอีกกี่นายเป็นเรื่องของทางตำรวจ
ส่วนจะใช้เวลารักษานานเพียงใด คงต้องฟังความเห็นจากคณะแพทย์ ตนได้รับการยืนยันเพียงว่านายทักษิณอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ และอาการยังทรงตัว ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะเกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพจิตด้วย ที่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย ซึ่งมีรัฐมนตรีบางคนมาบอกให้ตนฟังในเชิงตลกว่า ขณะที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยึดอำนาจ และเชิญตัวไปควบคุมไว้ในบ้านที่สะดวกสบายแต่ความดันก็ขึ้นถึง 200 ทุกวัน แต่ไม่ขอเอ่ยว่าเป็นใคร
"เรื่องนี้ก็ต้องเห็นใจว่ามีความเป็นไปได้ คนที่เคยอยู่บ้านหรือคอนโด ออกกำลังกาย ว่ายน้ำ พอไม่ได้ทำสิ่งเหล่านั้นก็กระทบได้ ก็ต้องเข้าใจ" นายวิษณุ กล่าว
ส่วนระยะเวลาในการรับโทษของนายทักษิณนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า สำนักเลขาธิการศาลยุติธรรมได้แจ้งมาว่า ต้องรับโทษ 8 ปี โดยในระหว่างนี้สามารถดำเนินการขอพระราชทานอภัยโทษได้ เพราะยังถือว่าอยู่ในความดูแลของกรมราชทัณฑ์ ส่วนจะพระราชทานอภัยโทษคดีใด หรือทุกคดี ไม่เว้นแม้แต่คดีทุจริต ก็ถือเป็นพระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษตามรัฐธรรมนูญ และเป็นพระราชอำนาจที่ไม่สามารถจะโต้เถียง ท้าทายได้
พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ นายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวภายหลังตรวจอาการของ นายทักษิณ ที่เข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาล เมื่อวันมี่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมาว่า ได้ทำการตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้า โดยใช้เครื่องแอคโค่ พบว่ายังมีอาการน่าเป็นห่วงอยู่ จากการตรวจปอด และหัวใจ ยังมีอาการน่าเป็นห่วง ส่วนระยะเวลาที่ใช้ในการรักษายังไม่สามารถระบุได้ ส่วนความดันยังทรงตัว ไม่ถึงกับทรุด ยังมีสติสามารถพูดคุยกับหมอได้ ทั้งนี้ อาการทั้งหมดได้รายงานไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์แล้ว
ส่วนห้องที่นายทักษิณ รักษาตัวอยู่ ตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านทำห้องให้เป็นกึ่ง ICU หรือที่เรียกว่า IMCU สามารถเคลื่อนย้ายอุปกรณ์รักษาได้ และกรณีเรื่องแอร์เสียนั้น ตอนนี้ซ่อมแล้วใช้การได้ปกติ ยืนยันว่าไม่ได้ซ่อมสำหรับคนไข้รายใดรายหนึ่ง
กรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะย้ายนายทักษิณ ไป รพ.เอกชนนั้น ทางโรงพยาบาลตำรวจนั้นมีศักยภาพมาก มีเครื่องมือพร้อมที่จะรักษานายทักษิณได้ ไม่ย้ายไปไหนเด็ดขาด การย้ายมีทางเดียวคือย้ายกลับราชทัณฑ์ แต่หากราชทัณฑ์เผยว่าการรักษาของรพ.ตำรวจยังไม่มีประสิทธิภาพ ทางราชทัณฑ์จะส่งไหนก็แล้วแต่ดุลพินิจของกรมราชทัณฑ์ ทั้งนี้ โรงพยาบาลตำรวจไม่มีอำนาจในการส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลเอกชนได้
ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลมีหน้าที่รักษาผู้ป่วยเท่านั้น เรื่องการเมืองหรือการรักษาความปลอดภัย ทางโรงพยาบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
พล.ต.ท.โสภณรัชต์ ได้กล่าวถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายขอให้มีแพทย์จากหน่วยงานกลางมาร่วมสังเกตนั้นว่า นายทักษิณ ไม่ใช่ผู้ป่วยรายแรกที่รพ.ราชทัณฑ์ส่งตัวมา ที่ผ่านมาไม่เคยมีหน่วยงานไหนเข้ามาร้องขอตรวจสอบ เพราะสิทธิ์ของผู้ป่วย ซึ่งเคสปกติที่ไม่ใช่ของรพ.ราชทัณฑ์ก็ไม่สามารถละเมิดสิทธิ์ของผู้ป่วยได้ เป็นจริยธรรมและจรรยาบรรณทางการแพทย์ ส่วนเรื่องการเปิดเผยรายละเอียดในการรักษาของผู้ป่วยไม่ได้นั้น เพราะมีกฎหมายคุ้มครองผู้ป่วยในเรื่องการเปิดเผยรายละเอียดอยู่ ต้องขออนุญาตทั้งตัวผู้ป่วย และญาติของผู้ป่วยด้วย