วิปรัฐบาลหักส.ส.พปช. ลงมติให้รับหลักการร่าง กม.ศาล แต่ให้เอาผิด ป.ป.ช.

          วิปรัฐบาลมีมติให้รับหลักการร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้เสนอ และมีมติให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ จะนำเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาในวาระ 2 และ 3 
          นายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล)กล่าวว่า กรณีที่มีส.ส.พรรคพลังประชาชนมีมติให้คว่ำร่างกฎหมายทั้งสองฉบับก่อนหน้านี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของ ส.ส.บางคนเท่านั้น 
          อย่างไรก็ตาม วิปรัฐบาลเห็นด้วยกับการแปรญัตติของนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา กรรมาธิการฯ ที่ขอสงวนความเห็นในมาตรา 9 ให้ยกเลิกความในมาตรา 23 แห่งร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 โดยให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "ผู้ที่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ได้แก่ อัยการสูงสุด
          คณะกรรมการ ป.ป.ช.ในการปฏิบัติตามมาตรา 11 ว่าด้วยในกรณีประธานวุฒิสภาส่งคำร้องให้ดำเนินการต่อ ป.ป.ช.ตามมาตรา 249 ตามรัฐธรรมนูญว่า ส.ส.1 ใน 5 สามารถเข้าชื่อเสนอต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า ป.ป.ช.ผู้ใดร่ำรวยผิดปกติให้ดำเนินการเลือกองค์คณะตามมาตรา 13 โดยมีเหตุผลว่าเพื่อความชัดเจนในกระบวนการดำเนินคดีต่อ ป.ป.ช.กรณีร่ำรวยผิดปกติ กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และให้อิสระในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 44/10"
          นอกจากนี้ วิปรัฐบาลมีมติให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 36 คน 
          ด้านนายบุญจง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ไม่เห็นด้วยที่จะรับรองกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ เนื่องจากเห็นว่ามีที่มาไม่ชอบ เพราะเป็นผลพวงจากรัฐธรรมนูญเผด็จการ แต่เมื่อนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมวิปรัฐบาลแล้วจะมีมติเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่ที่ประชุมวิปรัฐบาล ซึ่งอาจจะมีเหตุผลที่ต้องการผลักดันร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับให้ผ่านไปก็ได้
          ขณะที่นายเกียรติกร พากเพียรศิลป์ ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคมัชฌิมาธิปไตย กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลส่วนใหญ่มีมติให้รับหลักการร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ แต่ส่วนตัวเห็นว่าเป็นกฎหมายที่มาจากรัฐธรรมนูญเผด็จการ แต่ที่เห็นชอบเพราะเกรงว่าบ้านเมืองจะเกิดปัญหา และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะออกมาต่อต้านอีก ซึ่งหากเลือกได้ก็คงไม่รับหลักการแน่นอน