(เพิ่มเติม) นายกฯ คาดแถลงนโยบาย 29-30 ธ.ค./หนุนตั้งสภาที่ปรึกษาศก.-ใช้ fast track

ข่าวการเมือง Thursday December 18, 2008 16:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะประชุมนัดแรกได้ภายในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะมีการพิจารณาร่างนโยบายรัฐบาล โดยคาดว่ารัฐบาลจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้ในช่วงวันที่ 29-30 ธ.ค.นี้

"ผมตั้งใจ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนที่วางแผนไว้ ครม.น่าจะประชุมได้วันอังคารหน้า เพื่ออนุมัตินโยบายรัฐบาลได้เลย หาก ครม. มีข้อสังเกต อาจจะใช้เวลาแก้ไขอีก 1-2 วัน และตั้งใจให้วันที่ 29-30 นี้จะขอแถลงนโยบายในสภา"นายอภิสิทธิ์ กล่าวในระหว่างการหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)ในช่วงบ่ายวันนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า หลังการแถลงนโยบายของรัฐบาลเสร็จสิ้นแล้วจะเร่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทันที โดยกฎหมายฉบับแรกที่จะผลักดันเข้าสู่การพิจารณาในการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญ คือ การจัดทำงบกลางปีงบประมาณ 52 เพิ่มเติม โดยยอมรับว่าอาจมีความจำเป็นต้องเพิ่มวงเงินมากกว่า 1 แสนล้านบาทที่เคยกำหนดไว้

สำหรับการดูแลสภาพคล่องในระบบ การจัดหาเงินกู้ดอกเบี้ยผ่อนปรน(ซอฟท์โลน)ยังมีปัญหาติดขัดใน พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย ดังนั้น แนวทางที่จะดำเนินการได้ คือ อาจจะต้องแก้ไขกฎหมาย ธปท. หรือให้สถาบันการเงินของรัฐออกพันธบัตรเพื่อนำมาปล่อยสินเชื่อ

นอกจากนี้ยังไม่สนับสนุนแนวทางการควบรวมกิจการของ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) กับ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) นอกจากนี้ ยังเห็นว่าควรชะลอการใช้หลักเกณฑ์บาเซล 2 กำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ เพราะจะส่งผลกระทบต่อเงินทุนที่ใช้ปล่อยสินเชื่อในธนาคารพาณิชย์ได้

ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมจะเน้นดูแลทุกส่วน ทั้งการพัฒนาระบบขนส่ง(ลอจิสติก) เซาเทิร์นซีบอร์ด การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และพลังงานทดแทน จะเป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลดำเนินการ เพราะมองแนวโน้มราคาน้ำมันอาจจะปรับตัวสูงขึ้นอีก จึงจำเป็นต้องผลักดันและส่งเสริมการปลูกพืชพลังงานทดแทน

"บาเซล 2 หากไม่ทำอะไรเลยจะมีผลต่อการปล่อยสินเชื่อ...ขอยืนยันว่าแนวทางการทำงานของรัฐบาล จะเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และยังรักษาวินัยการเงินการคลัง"นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า จะมีการจัดตั้งสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ เพื่อให้มีการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยขอศึกษาข้อกฎหมายก่อน หากไม่สามารให้เอกชนร่วมด้วย อาจเชิญนักวิชาการ ร่วมเป็นทีมงานของสภาที่ปรึกษาฯ พร้อมกันนี้ จะนำระบบ Fast Track มาใช้ในการทำงาน กรณีมีงานเร่งด่วน หรือช่วงวิกฤติที่จำเป็นต้องพิจารณา

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.จะมีรองนายกรัฐมนตรีดูแลทีมเศรษฐกิจ 1 คน รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลด้านความมั่นคน 1 คน และรองนายกรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาล 1 คน โดยยืนยันว่าสามารถทำงานร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลได้โดยไม่มีปัญหา ไม่มีการก้าวก่ายการทำงานระหว่างกระทรวง เพื่อให้เกิดความสบายใจในการทำงาน

"กลไกการทำงาน เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชน รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลผสม ไม่ใช่รัฐบาลสัมปทาน ไม่ใช่พรรคไหนดูกระทรวงไหน ต่างคนต่างทำ...ผมประกาศตัวแล้วว่าเป็นหัวหน้าเศรษฐกิจ ถ้าเศรษฐกิจไม่ฟื้น ก็ไม่มีทางรอดทางการเมืองอยู่แล้ว ผมพร้อมรับผิดชอบ"นายอภิสิทธิ์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ