นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่า การสัมมนา ส.ส.ของพรรคระหว่างวันที่ 2-3 ก.พ.นี้ ได้ร่วมกันจัดทำปฎิญญาเขาใหญ่ 9 ข้อ เพื่อเป็นยุทธศาสตร์และยุทธวิธีในการทำงานทั้งในฐานะฝ่ายค้านและเตรียมการเลือกตั้งสมัยหน้า โดยถือเป็นจุดยืนของพรรคซึ่งผ่านความเห็นชอบจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แล้ว
สำหรับปฏิญญาทั้ง 9 ข้อ ได้แก่ พรรคเพื่อไทยเทอดทูนและธำรงไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย, พรรคเพื่อไทยจะปกป้องระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข, พรรคเพื่อไทยจะทำหน้าที่สถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็งเพื่อต่อสู้ให้ได้มาและรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงซึ่งเคารพการตัดสินใจของประชาชน,
พรรคเพื่อไทยจะยึดมั่นในนิติรัฐ หลักนิติธรรม ความเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด, พรรคเพื่อไทยจะต่อสู้เพื่อให้คนไทยทุกคนให้เข้าถึงและได้รับความยุติธรรมอย่างเสมอหน้ากัน, พรรคเพื่อไทยจะดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเสรีที่เป็นธรรม และน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักชัย ทั้งนี้โดยตระหนักว่าประชาชนชาวชนบทหรือคนรากหญ้าสมควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะกลุ่มบุคคลดังกล่าวยังขาดความเข้มแข็งทางด้านทุน ข่าวสาร การศึกษา และเทคโนโลยี,
พรรคเพื่อไทยจะยึดมั่นเอาความสุขของประชาชนเป็นเป้าหมายสูงสุด โดยมุ่งขจัดความยากจน โดยใช้หลักการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาสให้กับประชาชนเป็นธงนำในการทำงาน, พรรคเพื่อไทยจะทำให้คนไทยทุกคนมีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ และทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก และพรรคเพื่อไทยจะใช้ระบบเศรษฐกิจ 2 แนวทางขับเคลื่อนไปพร้อมๆกัน กล่าวคือ การส่งเสริมและเร่งรัดการส่งออกที่แข่งขันได้ ดึงดูดการลงทุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจรากหญ้า หรือเศรษฐกิจชนบทให้เข้มแข็ง เพื่อเป็นฐานอันมั่นคงของระบบเศรษฐกิจในองค์รวม
ด้าน นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรค พท. ฝ่ายวิชาการและนโยบาย กล่าวว่า ได้ปรับยุทธศาสตร์การทำงานของพรรคในฐานะฝ่ายค้านให้มีความสอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และวางนโยบายระยะยาวให้กับพรรค
ทั้งนี้ พรรค พท.จะเร่งรัดตรวจสอบการดำเนินงานของรัฐบาล 2 เรื่อง คือ เรื่องแรกการแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ เช่น มาตรการเศรษฐกิจ การสร้างรายได้ของรัฐบาล ทั้งนโยบายการส่งออก ท่องเที่ยว ความเหมาะสมในการกู้ยืมเงินของรัฐบาล ราคาน้ำมันและภาษีน้ำมัน การทำโครงการเมกะโปรเจคส์
และประเด็นการเมือง เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 การตรวจสอบการดำเนินงานของรัฐบาล โดยแบ่งเป็นกลุ่มกระทรวง ซึ่งจะจัดประชุมกลุ่มย่อยในแต่ละด้านทุกสัปดาห์ เพื่อร่วมกันจัดทำแผนการดำเนินการในเชิงยุทธศาสตร์ที่จะนำไปอภิปรายในสภา หรือการชี้แจงต่อสาธารณชนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
"ผลสำเร็จของการสัมมนาครั้งนี้นับเป็นการส่งสัญญาณที่ดีของพรรคเพื่อไทยถึงความมุ่งมั่นที่จะปรับยุทธศาสตร์ในการทำหน้าที่ฝ่ายค้านคุณภาพในสภา และการก้าวไปข้างหน้าเพื่อเตรียมความพร้อมในการยกระดับการดำเนินการของพรรคไปสู่จุดที่จะต้องแข่งขันด้วยนโยบาย แข่งขันกันด้วยคุณภาพ และแข่งขันกันด้วยความรู้ความสามารถ ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาและกลั่นกรองนโยบายอย่างเป็นระบบ ที่จะนำไปสู่นโยบายพรรคที่มีกรอบแนวความคิดที่ชัดเจน สามารถนำไปสู่การปฎิบัติได้จริง มีประสิทธิภาพ สามารถวัดประเมินผลได้ และที่สำคัญที่สุดคือจะต้องเป็นนโยบายที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติและประชาชนทุกคนได้อย่างแท้จริง" นายปานปรีย์ กล่าว