"เรืองไกร"ส่งเรื่อง"กษิต"ทำผิดรธน.ให้กกต.ตรวจ หลังพบภรรยาถือหุ้น BECL

ข่าวการเมือง Monday March 30, 2009 12:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา เปิดเผยว่า ตนเองได้ส่งหนังสือถึงประธานกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อขอให้ตรวจสอบนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ว่ามีการกระทำการอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากคู่สมรสถือหุ้นใน บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ (BECL)

"บริษัทนี้เป็นบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐ ดังนั้นการถือครองหุ้นในบริษัทดังกล่าวของนายกษิตจึงอาจเข้าข่ายกระทำการอันต้องห้าม...อาจทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง จึงขอให้ กกต.ตรวจสอบเพื่อส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป" นายเรืองไกร กล่าว

โดยนายเรืองไกรอ้างว่านายกษิตกระทำการอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 ประกอบมาตรา 265 วรรคหนึ่ง(2) และมาตรา 265 วรรคสาม ว่าด้วยการห้ามรัฐมนตรีเข้ารับสัมปทานจากรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐ หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ อันมีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอน หรือเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญาในลักษณะดังกล่าว ทั้งนี้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมหรือไม่

หลังจากตนเองได้ตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2551 ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แล้วพบว่า นายกษิตได้แจ้งว่า เงินลงทุนลำดับที่ 10 ซึ่งเป็นส่วนของคู่สมรสเป็นหุ้นของ บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ (BECL) หมายเลข 000355 มูลค่าตามตราสาร 100,000 บาท

ทั้งนี้ ตนเองได้ส่งเอกสารหมายเหตุประกอบงบการเงินของ BECL ปี 51 และบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายกษิตไปให้ กกต.ประกอบการพิจารณาด้วย

นายเรืองไกร กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูล BECL ใน www.set.or.th มีชื่อเต็มว่า บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) ในงบการเงินล่าสุดปี 2551 ซึ่งมีหมายเหตุประกอบงบการเงินรวม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2551 ในหัวข้อ 1.1 ข้อมูลทั่วไปของบริษัทฯ มีการระบุว่า ธุรกิจหลักของบริษัทคือ ดำเนินการก่อสร้างและบริหารโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 และส่วนต่อขยายต่างๆ รวมทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องภายใต้สัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 กับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.)เป็นระยะเวลา 30 ปี นับจากวันที่ 1 มี.ค.2533 และสิ้นสุดอายุสัญญาในวันที่ 28 ก.พ.2563 โดยมีสิทธิตามข้อตกลงที่จะขยายกำหนดเวลาของสัญญาออกไปได้อีก 2 ช่วงๆ ละ 10 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดและเงื่อนไขที่จะตกลงกันระหว่างคู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่าย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ