พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดทำและเผยแพร่คลิปเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
"ผมขอปฏิเสธข้อกล่าวหาโดยสิ้นเชิง เพราะผมไม่มีเวลาไปเกี่ยวข้องกับเรื่องไร้สาระเช่นนี้ ผมจัดลำดับความเร่งด่วนในชีวิตผมได้ และผมรู้สึกแปลกใจที่นายกฯและรัฐบาลพยายามจัดการจับกุมบุคคลที่รัฐบาลสงสัย และประโคมข่าวเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นและปิดบังความไร้ความสามารถและความล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และปิดบังการทุจริตคอรัปชั่นอย่างขนานใหญ่ของรัฐบาล เช่น ในโครงการชุมชนพอเพียง การโยกย้ายข้าราชการตำรวจ โดยไม่ยึดถือระบบคุณธรรม เป็นต้น" แถลงการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุ
อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุอีกว่า ขณะนี้ได้ใช้เวลาเดินทางไปเยี่ยมประมุขและผู้นำประเทศต่างๆ เพื่อให้คำปรึกษาการแก้ไขปัญหาความยากจน โดยน้อมนำและเผยแพร่โครงการพระราชดำริและแนวคิดเกษตรทฤษฏีใหม่ของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อประเทศต่างๆ ขณะเดียวกันก็หาโอกาสทางการค้าและการลงทุน โดยได้เข้าร่วมทุนกับเพื่อนๆ หลายกิจการ เช่น เหมืองทอง เหมืองเพชร เป็นต้น
ส่วนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไม่เคยติดต่อและโทรหาแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งที่นายสุเทพให้สัมภาษณ์เป็นเพียงการพยายามสร้างภาพว่าตนเองเป็นคนทำให้ชาติเสียหาย และเป็นการเล่นการเมืองที่พรรคประชาธิปัตย์เชี่ยวชาญจัดเจนและกลายเป็นวัฒนธรรมของพรรคไปเสียแล้ว เพื่อทำลายคนอื่นและอำพรางความล้มเหลวในการทำงานและปัญหาทุจริตคอรัปชั่นขนานใหญ่ในรัฐบาล
"การที่รองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ ได้กล่าวหาว่าผมเป็นผู้ทำลายบ้านเมือง และกล่าวต่อว่าเคยพยายามติดต่อผม แต่ผมไม่คุยด้วยนั้น ผมขอเรียนว่า ผมไม่เคยคิดร้ายต่อบ้านเมือง เพราะผมเทิดทูนสถาบันและรักชาติเช่นคนไทยทุกคน เมื่อผมเป็นนายกฯ ก็ได้ทุ่มเทเพื่อประชาชนและสร้างผลงานไว้มากมาย จนแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่กล้ายกเลิกนโยบายที่ผมทำสำเร็จไว้" แถลงการณ์ ระบุ
อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ผู้ที่และสิ่งที่ทำลายบ้านเมือง ได้แก่ 1.คณะบุคคลที่ทำลายประชาธิปไตยโดยการกระทำรัฐประหาร 2.นักการเมืองที่อิงแอบ รู้เห็นเป็นใจ และได้ประโยชน์จากการยึดอำนาจของประชาชน เพราะไม่สามารถชนะใจประชาชนและชนะการเลือกตั้งได้ 3.รัฐธรรมนูญ ฉบับ คมช. และ 4.กระบวนการยุติธรรมที่ใช้สองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติ