นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเบิกความต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในฐานะผู้คัดค้านที่ 2 ในคดีที่อัยการสูงสุดยื่นคำร้องขอให้สั่งอายัดทรัพย์สินของอดีตนายกรัฐมนตรีจำนวน 7.6 หมื่นล้าน
นายพานทองแท้ ยืนยันว่า การขายหุ้น บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น(SHIN) ให้กับกองทุนเทมาเส็กประเทศสิงคโปร์เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และอดีตนายกรัฐมนตรีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว พร้อมตั้งข้อสังเกตุการทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ(คตส.) มีการเมืองอยู่เบื้องหลัง
ทั้งนี้ นายพานทองแท้ได้ยืนยันตามบันทึกถ้อยคำที่ทำเป็นหนังสือยื่นให้กับ คตส. พร้อมย้ำว่าตนเองเป็นผู้ตัดสินใจซื้อขายหุ้นชินคอร์ปให้กับกลุ่มเทมาเส็ก โดยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน บิดาและมารดาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่มีนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ เป็นผู้ดำเนินการติดต่อซื้อขายกับกลุ่มเสมาเส็ก ส่วนตนเองกับ น.ส.พิณทองทา ซึ่งเป็นน้องสาวมอบอำนาจให้นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เป็นผู้ดำเนินการ
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ขายหุ้นชินคอร์ปให้ตนเองในราคาพาร์เมื่อต้นปี 43 เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการวางมือทางธุรกิจก่อนจะลงเล่นการเมือง และตนเองก็ได้จ่ายเงินค่าซื้อหุ้นให้ตามจำนวนอย่างครบถ้วน และไม่ได้ปกปิดทรัพย์สิน
นายพานทองแท้ ยังเบิกความอีกว่า ขอตั้งข้อสังเกตการทำงานของ คตส.อาจมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากมีความสับสน โดยเฉพาะกรณีการเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้นชินคอร์ปให้กับกลุ่มเทมาเส็ก และมีการอายัดทรัพย์ของตนเองไปรวมกับของ พ.ต.ท.ทักษิณ และระหว่างเข้าให้ข้อมูลต่อ คตส.ก็ถูกกดดันจากกลุ่มบุคคลที่มีอคติกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการตั้งคำถามเชิงยัดเยียด ทำให้การให้ถ้อยคำต่อ คตส.ส่วนหนึ่งมาจากความตื่นกลัว
หลังจากเบิกความเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายพานทองแท้ ให้สัมภาษณ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้บอกให้พูดความจริงเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นต่อศาลฯ ซึ่งส่วนตัวรู้สึกสบายใจที่ได้พูดความจริง เพื่อทำให้คนที่เข้าใจผิดได้รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น