รัฐบาลออสเตรเลียได้เสนอแนวทางในการสนับสนุนกลุ่มผู้ผลิตถ่านหินและไฟฟ้าของประเทศ เพื่อที่แผนการซื้อขายปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะได้รับเสียงสนับสนุนจากฝ่ายค้าน โดยการให้ความช่วยเหลือแก่ธุรกิจและบริษัทที่มีแนวโน้มว่าจะได้รับผลกระทบจากการนำโครงการซื้อขายปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาใช้จะอยู่ที่ประมาณ 7 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 6.4 พันล้านดอลลาร์
นายเควิน รัดด์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียกล่าวในการแถลงข่าวเรื่องการประกาศข้อตกลงนี้ว่า ออสเตรเลียจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศก่อนใครและหนักสุด ดังนั้นความรับผิดชอบในเรื่องนี้คือ การลงคะแนนเสียงเพื่อให้มีการดำเนินการและแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
บลูมเบิร์กรายงานว่า ข้อเสนอดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ได้มีการเจรจาต่อรองระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้าน ซึ่งนับรวมถึงพรรคลิเบอรัลและเนชั่นแนล อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ยังต้องมีการหารือกันอีกว่าจะให้การสนับสนุนเพื่อปรับเปลี่ยนเนื้อหาใดๆรวมทั้งตัวข้อเสนอหรือไม่
วุฒิสภาออสเตรเลียไม่ได้ให้เสียงสนับสนุนกฎหมายเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศดั้งเดิมที่นายกรัฐมนตรีได้นำเสนอไปเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ออสเตรเลียซึ่งเป็นประเทศที่ส่งออกถ่านหินรายใหญ่สุดของโลกนั้น ได้เสนอให้มีการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 5% เหลือ 15% จากระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2543 ในช่วง 10 ปีข้างหน้า
นักกฎหมายบางคนได้หาทางที่จะลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่านี้ ขณะที่นักกฎหมายบางกลุ่มกล่าวว่า แผนการดังกล่าวสร้างความเสี่ยงให้กับเศรษฐกิจของออสเตรเลีย โดยปราศจากการรับประกันว่ากฎมายจะช่วยบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างไร ซึ่งนายกฯออสเตรเลียจำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก 7 รายเพื่อผ่านความเห็นชอบกฎหมายดังกล่าวในวุฒิสภา
ทรูเอ็นเนอร์จี พีทีวาย ซัพพลายเออร์พลังงานเปิดเผยว่า กฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์นั้นถือเป็นหายนะสำหรับเศรษฐกิจในรัฐวิคตอเรีย และอาจจะทำให้อุตสาหกรรมไฟฟ้าย่ำแย่ลง
ทั้งนี้ นายกฯออสเตรเลียต้องการให้มีการอนุมัติแผนการณ์ดังกล่าวก่อนหน้าการประชุมว่าด้วยสภาพอากาศของสหประชาชาติ ที่กรุงโคเปนเฮเกน ของเดนมาร์กในเดือนหน้า ซึ่งจะมีการออกกฎหมายออกมาเพื่อกำหนดเงื่อนไขในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2554