(เพิ่มเติม) 40 ส.ว.เตือน ปชป.อย่าหลงลมพรรคร่วมฯ แก้รธน.หาเหตุผลไม่ดีอาจนำไปสู่วิกฤติ

ข่าวการเมือง Tuesday January 5, 2010 15:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวถึงกรณีพรรคร่วมรัฐบาลยังคงเดินหน้ากดดันพรรคประชาธิปัตย์ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ความจริงกลุ่ม 40 ส.ว.ยืนยันมาตลอดว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 50 ในทุกประเด็น แต่อาจจะยอมเพียงประเด็นเดียวคือมาตรา 190 หากแก้เพื่อประโยชน์โดยรวมของประชาชน

เมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลขู่ว่าหากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมรีบแก้รัฐธรรมนูญ อาจพลิกขั้วไปจับมือกับพรรคเพื่อไทยนำรัฐธรรมนูญ 40 กลับคืนมานั้น นายสมชาย มองว่า ถึงแม้ว่าคำขู่เรื่องการเปลี่ยนขั้วเป็นเรื่องการเมือง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเมื่อแก้รัฐธรรมนูญแล้วพรรคร่วมฯ จะไม่ไปจับมือกับพรรคเพื่อไทย เพราะการเมืองอะไรก็เป็นไปได้ เพราะเขาก็เคยอยู่ร่วมกันมาก่อน

แต่ถ้าหาเหตุผลที่เหมาะสมเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ จะนำไปสู่วิกฤติอีกรอบแน่

นายสมชาย กล่าวว่า จริงๆ แล้ว คณะกรรมสมานฉันท์เพื่อปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีข้อเสนอ 3 เรื่องด้วยกัน คือ การสร้างสมานฉันท์ในชาติ การปฏิรูปการเมืองอย่างจริงจัง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็น

แต่เรื่องการสร้างสมานฉันท์กับการปฏิรูปการเมืองกลับไม่ทำ ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดของชาติ มุ่งแต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่าลืมว่ามีกรรมการฯอีกจำนวนมากที่เป็นเสียงข้างน้อยไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ ดังนั้นการยกมาตรา 190 ขึ้นมาอ้าง เป็นเพียงน้ำตาลเคลือบยาขม เพื่อกลบอีก 5 ประเด็น

ด้านนายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวว่า ใจจริงของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่อยากให้มีการแก้รัฐธรรมนูญอยู่แล้ว แต่เป็นความต้องการของพรรคร่วมที่อยากให้เปลี่ยนระบบเลือกตั้งมาเป็นแบบแบ่งเขตเรียงเบอร์ เพื่อโอกาสในการแทรกแซงพื้นที่ในภาคอีสาน และภาคเหนือ แต่ยังคงมีความขัดแย้งกัน และการที่พรรคเพื่อไทยบอกจะยกเอารัฐธรรมนูญ 40 กลับมาใช้ทั้งกระบิ ตนเชื่อว่ายิ่งยาก ดังนั้นสภาพของพรรคร่วมรัฐบาลก็คงทะเลาะกันไปเรื่อยๆ

ด้านนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา กล่าวถึงการผลักดันให้แก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน 2 ประเด็นของพรรคร่วมรัฐบาลว่า แม้จะมี ส.ว.บางกลุ่มออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย แต่ตนก็เชื่อว่า ส.ว.ที่เหลือส่วนใหญ่ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความสมานฉันท์และให้รัฐบาลทำงานได้อย่างสะดวก แต่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไรต้องนำมาคุยกันในวิป 3 ฝ่ายเพื่อหาข้อสรุปที่ชัดเจน ไม่เช่นนั้นการแก้ไขก็จะเละเทะ และบ้านเมืองก็จะเดินต่อไปไม่ได้

ทั้งนี้รัฐบาลต้องเป็นฝ่ายเดินเครื่องเป็นตัวจักรในการเริ่มเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามายังรัฐสภาก่อนถ้ารัฐบาลมีความตั้งใจที่จะให้บ้านเมืองสงบสุขและแก้ไขปัญหาความขัดแย้งจริงๆ

นายนิคม กล่าวอีกว่า ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายได้เปรียบจากการใช้รัฐธรรมนูญปี 50 ดังนั้นคงต้องพยายามชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญและซื้อเวลาไปให้นานที่สุด ซึ่งคงต้องติดตามดูทิศทางของพรรคร่วมรัฐบาลอย่างใกล้ชิดว่ามีความประสงค์จะผลักดันในเรื่องนี้จริงหรือไม่ และมีวาระแอบแฝงอะไรหรือไม่

ต่อข้อซักถามว่า จำเป็นต้องรอให้ฝ่ายค้านเข้ามาร่วมลงชื่อในญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนจึงจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมรัฐสภาหรือไม่ นายนิคม กล่าวว่า ไม่จำเป็น ลำพังเพียงแค่รัฐบาลและส.ว.ก็มีเสียงเกินพอ แม้กลุ่ม 40 ส.ว.ต้องการให้ส.ว.ที่เหลือถอนชื่อจากการเตรียมญัตติเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เชื่อว่าส.ว.ส่วนใหญ่ไม่ถอนแน่นอนเพราะทุกคนต้องการเห็นบ้านเมืองสงบ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ