กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจของอินโดนีเซียออกโรงค้านรัฐบาลขึ้นค่าไฟ

กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจในอินโดนีเซียออกโรงต่อต้านแผนการของรัฐบาลที่ต้องการปรับขึ้นค่าไฟเฉลี่ย 15% โดยให้เหตุผลว่าการขึ้นค่าไฟจะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิต

"กระแสไฟฟ้าเป็นเหมือนกระดูกสันหลังของอุตสาหกรรมทุกประเภท ดังนั้นเราจึงรับไม่ได้หากค่าไฟปรับตัวสูงขึ้น" เออร์โนเวียน อิสมี เลขาธิการสมาคมสิ่งทอแห่งอินโดนีเซีย กล่าว พร้อมแนะนำให้ PT Perusahaan Listrik Negara (PLN) บริษัทผลิตกระแสไฟฟ้าของรัฐบาล พยายามหาทางลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตแทนที่จะขึ้นค่าไฟ

ส่วนทางด้านยูริป ทิเมอร์โยโน ประธานสมาคมซีเมนต์แห่งอินโดนีเซีย กล่าวว่า อุตสาหกรรมในประเทศกำลังพยายามผลักดันให้มีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น ซึ่งการขึ้นค่าไฟจะเป็นอุปสรรคต่อความพยายามดังกล่าว ดังนั้นเขาจึงหวังว่าจะมีการขัดขวางแผนการดังกล่าว

แผนการขึ้นค่าไฟถูกเสนอขึ้นเมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของ PLN ซึ่งขาดทุนมาตลอดหลายปีอันเนื่องมาจากการขายไฟฟ้าในราคาที่ถูกกว่าต้นทุน โดยแผนการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป และมีผลบังคับใช้กับประชาชนที่อาศัยตามบ้านเรือนทั่วไปด้วย

ศรี มัลยานี อินทราวาตี รัฐมนตรีคลังอินโดนีเซีย กล่าวว่า หากไม่มีการขึ้นค่าไฟรัฐบาลก็ต้องเสียงบประมาณอุดหนุนค่าไฟเพิ่มเติมอีก 6.8 ล้านล้านรูเปียะห์ (ราว 741.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปีนี้ ซึ่งจะทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นจาก 2.1% ของจีดีพี เป็น 2.2% ของจีดีพี

ในวันนี้ผู้ประกอบธุรกิจชั้นนำในประเทศจะเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีเพื่อพูดคุยในประเด็นการขึ้นค่าไฟ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพร้อมเผชิญหน้ากับอุปสรรคในการขึ้นค่าไฟแล้ว เนื่องจากการขึ้นค่าไฟต้องได้รับเสียงส่วนใหญ่จากสภาผู้แทนราษฎร แต่สมาชิกสภานิติบัญญัติหลายคนค้านแผนดังกล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน