ศอ.รส.ตั้ง 68 จุดตรวจเพิ่มบนทางด่วน หวั่นมือดีลอบใช้ยิงอาวุธป่วนเมือง

ข่าวการเมือง Thursday March 25, 2010 17:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) เปิดเผยว่า การประชุม ศอ.รส.ในช่วงเช้ามี พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน ได้สั่งการให้เพิ่มมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยเข้มงวดขึ้นด้วยการตั้งจุดตรวจบนทางด่วนเพิ่มอีก 68 จุด หลังมีผู้ไม่หวังดีพยายามลอบก่อเหตุและเกรงว่าจะมีการลอบยิงระเบิดมาจากบนทางด่วนเพื่อสร้างสถานการณ์อีก ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะมีส่วนช่วยเป็นข้อมูลในการสืบสวนหาพยานหลักฐานได้

"ท่านได้สั่งการให้เพิ่มมาตรการบนทางด่วน ตลอดเวลาที่ผ่านมากลุ่มผู้ก่อเหตุใช้ทางด่วนในการยิงระเบิดเพื่อสร้างสถานการณ์ วันนี้จึงเพิ่มความเข้มข้นการตั้งจุดตรวจบนทางด่วนอีก 68 จุด" โฆษก ศอ.รส.กล่าว ซึ่งทำให้โดยรวมแล้วในพื้นที่ 50 เขตของ กทม.มีการตั้งจุดตรวจรวมกว่า 300 แห่ง

ทั้งนี้จะมีการตั้งจุดตรวจบริเวณทางขึ้น-ลงทางด่วน ทั้งของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) และดอนเมืองโทลล์เวย์ โดยได้ติดต่อขอภาพจากกล้องวงจรปิด(CCTV )ไว้ด้วย ซึ่ง กทพ.มีกล้อง CCTV ทั้งหมด 180 ตัว และดอนเมืองโทลล์เวย์อีก 26 ตัว

พร้อมยอมรับว่า การตั้งจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ไม่สามารถรับประกันได้ว่ากลุ่มผู้ไม่หวังดีจะไม่ลอบก่อเหตุขึ้นอีก ซึ่ง ศอ.รส.ขอให้สังคมช่วยกันประณามกลุ่มคนที่ไม่หวังดีและพยายามจะสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น และยอมรับว่าหนักใจในการสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์แต่ละกรณี แต่จะพยายามดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างเต็มที่

"ก็เป็นความหนักใจของ ศอ.รส. ทั้งทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อกรณีการใช้ระเบิด การสืบสวน สอบสวนไม่ใช่ของง่าย...ไม่มีอะไรเจ๋งไปกว่านี้แล้ว ทั้งการตั้งจุดตรวจและมีสายตรวจ" โฆษก ศอ.รส. กล่าว

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า จากการประเมินของ ศอ.รส.พบว่าความพยายามในการก่อเหตุยังคงไม่เปลี่ยนเป้าหมายในการพุ่งเป้าไปที่ตัวบุคคล และลักษณะการก่อเหตุมักเลือกสถานที่ราชการสำคัญเป็นเป้าหมาย ส่วนเหตุการณ์ต่างๆ จะเกิดจากฝีมือของกลุ่มบุคคลเดียวกันหรือไม่นั้น จากการตรวจสอบจากคนร้ายที่ยิงอาร์พีจีไปที่กระทรวงกลาโหมได้นั้น เชื่อว่าน่าจะมีความเชื่อมโยงกับกรณีอื่นด้วย

อย่างไรก็ดี การจับกุมผู้ก่อเหตุยิงจรวดอาร์พีจีไปที่กระทรวงกลาโหมนั้น ศอ.รส.ไม่ได้พุ่งเป้าว่าเป็นระเบิดที่นำเข้ามาจากกัมพูชาหรือไม่ เพียงแต่ระเบิดชนิดนี้กองทัพไทยได้เลิกใช้ไปแล้ว ซึ่งอาวุธบางส่วนอาจถูกผู้ที่อยู่นอกกฎหมายเก็บไว้มาใช้ก่อเหตุความรุนแรง และจากการสืบสวนสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รายงานต่อ ศอ.รส. ระบุว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนักการเมือง

จากข้อมูลสรุปของ ศอ.รส.พบว่าตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.53 จนถึงวันนี้ พบเหตุระเบิดเกิดขึ้นทั้งใน กทม.และต่างจังหวัดรวม 20 ครั้ง มีทั้งระเบิด M67, M79, จรวดอาร์พีจี และการยิง M16 โดยในบางจุดเจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้วัตถุระเบิดได้ และบางจุดสามารถสืบสวนสอบสวนไปยังผู้กระทำผิดได้แล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ