(เพิ่มเติม) นายกฯ ย้ำไม่ท้อถอยแก้ปัญหาบ้านเมือง ยันจะเร่งคลี่คลายให้เกิดผลกระทบน้อยสุด

ข่าวการเมือง Monday April 19, 2010 22:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ายังคงไม่ท้อถอยต่อสถานการณ์ของบ้านเมืองในขณะนี้ แม้จะทราบดีว่าหลายคนเริ่มท้อถอยและไม่เคยคาดคิดว่าสังคมไทยจะต้องเผชิญกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน พร้อมย้ำว่าสิ่งที่รัฐบาลได้ตัดสินใจและดำเนินการอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องที่ต้องรักษากฎกติกาของสังคม

"ผมไม่ท้อ และไม่มีสิทธิที่จะท้อ ผมเดินหน้าด้วยความมั่นใจว่าความถูกต้องจะต้องดำรงอยู่ และขอย้ำว่าสิ่งที่ผมตัดสินใจในปัจจุบันคือความถูกต้องของบ้านเมือง ส่วนเรื่องของรัฐบาลและตัวผมเป็นเรื่องรอง และยังเป็นเรื่องที่มีทางออกตามความเหมาะสมของมันเอง แต่สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ คือการรักษาบ้านเมืองและสถาบันหลักของชาติไว้ให้ลูกหลาน ให้เป็นสังคมที่มีกฎกติกา มีความมั่นคงสำหรับทุกคน" นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการสัมภาษณ์พิเศษทางสถานีโทรทัศน์ NBT

นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ทุกคนหนักแน่นต่อข่าวสารต่างๆ ที่เกิดขึ้น ท่ามกลางการต่อสู้ในเชิงข่าวสารที่มีทั้งข่าวลือเรื่องของตัวนายกรัฐมนตรีเอง เรื่องครอบครัว และกองทัพ พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงไม่ได้นิ่งนอนในการแก้ไขสถานการณ์บ้านเมือง เพียงแต่เป้าหมายคือต้องการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดภายใต้ผลกระทบที่น้อยสุด

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองโดยเฉพาะการชุมนุมที่เกิดขึ้นในขณะที่ ยอมรับว่าต้องการจะให้จบลงโดยเร็ว แต่คงเป็นเรื่องยากที่จะให้กำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน เพราะจะกลายเป็นการกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากในความเป็นจริงแล้วต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพ ตลอดจนความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากวิธีการต่างๆ ที่จะนำมาใช้

"รัฐบาลหรือประชาชนคิดไม่ต่างกัน คืออยากให้เร็วที่สุด แต่ต้องคำนึงถึงสภาพความเป็นจริง คำนึงถึงประสิทธิภาพ และความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากรูปแบบวิธีการ คงจะบอกตารางเวลารายละเอียดไม่ได้ แต่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่จะดูแนวทางที่เร็วที่สุด มีประสิทธิภาพที่สุด และเสียหายน้อย ถ้าเราขีดเส้นวันนี้พรุ่งนี้ 5 วัน 7 วัน มันไม่เป็นผลดี มันเป็นการกดดันเจ้าหน้าที่และกระทบต่อประสิทธิภาพ" นายกรัฐมนตรี กล่าว

พร้อมเชื่อมั่นว่า ขณะนี้การตัดสินใจต่างๆ ขึ้นอยู่กับฝ่ายความมั่นคงที่มีความเป็นมืออาชีพ ซึ่งรัฐบาลได้ให้นโยบายไว้อย่างชัดเจนแล้ว ทั้งนี้ฝ่ายความมั่นคงจะมีหลักปฏิบัติที่ชัดเจนภายใต้กฎกติกาอันเป็นมาตรฐานสากล ดังนั้นสังคมควรจะร่วมมือกันให้ฝ่ายความมั่นคงสามารถปฏิบัติงานได้ภายใต้ภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อความสำเร็จ

นอกจากนี้ การมอบหมายให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) เข้ามาเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินจากเดิมที่เป็นหน้าที่ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)นั้น เพราะต้องการให้สายงานบังคับบัญชามีความกระชับมากขึ้นในการดูแลและบริหารสถานการณ์ที่พบว่ามีการก่อการร้ายเข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง แต่ในภาพรวมแล้วก็ยังอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของนายสุเทพ

สำหรับการดำเนินการของเจ้าหน้าที่เพื่อขอคืนพื้นที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์นั้น นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสถานการณ์ในขณะนี้เหมือนจับคน 2 กลุ่มเป็นตัวประกัน กลุ่มแรกคือ คนกรุงเทพฯ และภาคธุรกิจที่อยู่ในย่านราชประสงค์ที่ถูกนำมาเป็นเงื่อนไขเพื่อสร้างแรงกดดันในการต่อรองกับรัฐบาล และกลุ่มที่สอง คือ กลุ่มผู้ชุมนุมเองมีต่างมีปัญหาความเดือดร้อนอยู่แล้ว แต่ถูกนำมาเป็นโล่กำบังให้กับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม

"ปัญหาของเรา ถ้าจะให้ง่ายก็ต้องปลดเงื่อนไขตรงนี้ การปลดเงื่อนไขตรงนี้คือ เรากำลังมีมาตรการช่วยเหลือผลกระทบจากราชประสงค์ก่อน คือ กลุ่มลูกจ้างที่ขาดรายได้จากการปิดบริการ เราจะมีมาตรการเยียวยาดูแล แต่เรื่องที่ใหญ่กว่าคือ การเอาพื้นที่คืน เอาความเป็นปกติสุขคืน นั่นคือการบังคับใช้กฎหมาย" นายกรัฐมนตรี กล่าว

ขณะที่การแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนที่แท้จริงของกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นจะต้องมีมาตรการเยียวยาแก้ไขเฉพาะเป็นกรณีไป แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ด้วยการออกมาเรียกร้องภายใต้การวิธีเช่นนี้ ซึ่งรัฐบาลจะตอบสนองกับข้อเรียกร้องที่มีเหตุมีผลที่เหมาะสมเท่านั้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การยุบสภาภายใต้บรรยากาศของบ้านเมืองที่แตกแยกมากในขณะนี้ ไม่มั่นใจว่ายุบสภาแล้วสุดท้ายจะได้ตามสิ่งที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหวังหรือไม่ ซึ่งส่งผลให้เกิดอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย โดยเห็นว่าเงื่อนไขการยุบสภายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำและย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้ยื้อเวลาแน่นอน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ