กมม.แถลงการณ์ค้านกัมพูชาขึ้นทะเบียนพระวิหารมรดกโลก จี้รัฐเลิกเอ็มโอยู

ข่าวการเมือง Thursday July 29, 2010 18:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พรรคการเมืองใหม่ออกแถลงการณ์ คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยขอให้ยกเลิก MOU ที่ยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1: 200,000 เนื่องจากประเทศไทยมีความเสี่ยงสูงยิ่งที่จะเสียดินแดนรอบปราสาทพระวิหารอย่างน้อย 4.6 ตร.กม. และพื้นที่เพิ่มเติมอีกจำนวนมหาศาล

พรรคการเมืองใหม่เห็นว่าประเทศไทยโดยรัฐบาลจะต้องแสดงออกให้เด่นชัดในการคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกอีกครั้งหนึ่ง ไม่ว่าผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ณ กรุงบราซีเลีย ประเทศบราซิล ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนปราสาทระวิหารเป็นมรดกโลกจะจบลงอย่างไรก็ตาม

"ประเทศไทยโดยรัฐบาลจะต้องแสดงออกให้เด่นชัดในการคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเราเห็นว่าประเทศไทยยังมีความชอบธรรมและไม่สายจนเกินกาลที่จะแสดงจุดยืนปกป้องอธิปไตยของชาติ" แถลงการณ์ ระบุ

พร้อมกันนี้ได้เรียกร้องให้รัฐบาล - กองทัพ ประชาชนคนไทยทุกภาคส่วนได้ผนึกพลังร่วมกันในการปกป้องรักษาเอกราชดินแดนของประเทศไทยด้วยความเข้มแข็งและเป็นหนึ่งเดียว

ในแถลงการณ์ยังได้ระบุถึงเหตุผลทางกฎหมายระหว่างประเทศที่ไทยจำเป็นจะต้องคัดค้าน ประกอบด้วย ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่บนเขาพระวิหารในทิวเขาดงรัก ในฟากฝั่งไทยของเส้นสันปันน้ำ จึงอยู่ในอาณาเขตของประเทศไทย โดยสิ้นเชิง

ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ตัดสินมิให้ไทยเปิดปาก คือ ไทยถูกปิดปากมิให้อ้างอธิปไตยของไทยโดยอาศัยกฎหมายปิดปาก (Estoppel หรือ Preclusion) ซึ่งไม่เคยใช้บังคับกับประเทศใดมาก่อน แต่คำพิพากษาของศาลผูกพันเฉพาะคู่กรณีและเฉพาะในเรื่องที่พิพาทจึงไม่ผูกพันยูเนสโก และ ศาลมิได้ชี้ขาดความถูกต้องของเส้นเขตแดนที่ลากบนแผนที่ 1/200,000 ผนวก 1 ต่อท้ายคำฟ้องของกัมพูชา

ผู้พิพากษาในคำพิพากษาแย้งทั้งสามท่าน คือ ออสเตรเลีย จีน และอาเจนติน่า ชี้ให้เห็นว่าเส้นเขตแดนที่ลากบนแผนที่ 1/200,000 นั้นผิดหลายแห่ง โดยเฉพาะในบริเวณที่ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ ลำห้วยโอตาเสม มิได้ไหลขึ้นเขาอย่างที่ปรากฎบนแผนที่แต่ไหลลงสู่ประเทศไทยทำให้เขาพนมดงรักเป็นของไทยและพื้นที่ที่ปราสาทพระวิหารตั้งอยู่อยู่ในฝั่งฟากไทยของเส้นสันปันน้ำ ซึ่งสูงกว่าเบื้องล่าง คือ เขมรต่ำถึง 650 เมตร

ฉะนั้นรัฐบาลไทยจึงชอบที่จะให้เหตุผลว่าแผนที่ 1/200,000 หรือผนวก 1 นั้น ฝรั่งเศสทำขึ้นฝ่ายเดียวที่กรุงปารีสและลากเส้นเขตแดนเลยเข้ามาในเขตไทยขัดต่อข้อบทนิยามเขตแดนตามอนุสัญญา ค.ศ.1904 และสนธิสัญญากับพิธีสารต่อท้าย ค.ศ.1907 หลายแหล่งและไทยไม่เคยยอมรับความถูกต้องของเส้นเขตแดนนั้นซึ่งผิดเพี้ยนไปจากอนุสัญญาและสนธิสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศสโดยสิ้นเชิง

จริงอยู่แผนที่ผนวก 1 นั้น ได้จัดทำขึ้นภายหลังที่ได้มีการปักปันดินแดนแล้ว แต่ได้จัดทำขึ้นโดยคณะกรรมการปักปันผสมฝรั่งเศส - ไทย ฝ่ายฝรั่งเศสฝ่ายเดียว โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการผสมฝ่ายไทยเลยจึงไม่มีผลผูกพัน

ฝ่ายไทยจำเป็นต้องชี้ให้เห็นความคลาดเคลื่อนของเส้นแดนที่ลากบนแผนที่ฉบับได้ทำขึ้น โดยลอกหรือเลียนแบบจากแผนที่ผนวก 1 ล้วนผิดเพี้ยนไปจากความตกลงระหว่างไทยกับฝรั่งเศสทั้งสิ้น โดยไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบ จึงไม่อาจยอมรับความถูกต้องได้และไม่เคยยอมรับ

ด้วยเหตุนี้รัฐบาลไทยชอบที่จะประกาศยกเลิกบรรดาข้อตกลงหรือ MOU หรือข้อเสนอใด ที่มีการอ้างอิงหรือพาดพึงถึงแผนที่ฉบับ 1/200,000 แม้ในฐานะเอกสารประกอบ เพราะถ้าไม่ชี้ให้เห็นที่ผิดแต่แรกจะสร้างความคลุมเครือ และสุ่มเสี่ยงต่อการยกดินแดนให้กัมพูชาโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ตามมาตรา 190 แห่งรัฐธรรมนูญไทย และขัดต่อคำสั่งศาลปกครองในกรณีที่เกี่ยวข้องกับแถลงการณ์ร่วมกับกัมพูชา พ.ศ. 2551 ด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ