ผลสำรวจซึ่งได้รับการเปิดเผยเมื่อวานนี้ระบุว่า ชาวญี่ปุ่นราว 70% มีทัศนคติในแง่ลบต่อชาวจีน ขณะที่ชาวจีนราว 60% ก็มีทัศนคติในแง่ลบต่อชาวญี่ปุ่น โดยเฉพาะในเรื่องความปลอดภัยอาหาร ความเห็นต่างเรื่องประวัติศาสตร์ และความขัดแย้งระหว่างประเทศเรื่องทรัพยากร
ผลสำรวจรายปีดังกล่าวร่วมกันจัดทำขึ้นโดย เดอะ ไชน่า เดลี่ หนังสือพิมพ์ของทางการจีน และ Genron NPO องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรของญี่ปุ่น โดยมีการสำรวจชาวญี่ปุ่น 1,000 คนทั่วประเทศ และชาวจีน 1,617 คนใน 5 เมืองใหญ่ของประเทศ ซึ่งรวมถึงปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ซึ่งมีอายุ 18 ปีขึ้นไป ในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมที่ผ่านมา
ชาวญี่ปุ่นที่มองจีนในแง่ลบยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 72.0% เทียบกับระดับ 73.2% ในปีที่แล้ว ขณะที่สัดส่วนชาวจีนที่มองญี่ปุ่นในแง่ลบลดลงแตะ 55.9% จากระดับ 65.2% ในปีที่แล้ว แสดงให้เห็นว่าชาวจีนได้เห็นภาพลักษณ์ในแง่บวกของญี่ปุ่นมากขึ้นผ่านสื่อจีน
ผลสำรวจชี้ว่าเหตุผลหลักที่ญี่ปุ่นมองจีนในแง่ลบคือ ความคลางแคลงใจในการจัดการปัญหาความปลอดภัยอาหารและปัญหาอื่นๆของรัฐบาลจีน รวมถึงพฤติกรรมที่จีนเอาตัวเองเป็นหลักในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน และอาหาร
ขณะเดียวกันเหตุผลหลักที่ทำให้ชาวจีนมองญี่ปุ่นในแง่ลบคือ การที่ญี่ปุ่นและจีนเคยสู้รบกัน และชาวญี่ปุ่นไม่เคยสำนึกว่าญี่ปุ่นได้ทำการรุกรานจีน
ผู้ตอบแบบสอบถามชาวญี่ปุ่น 81.5% และชาวจีน 92.5% กล่าวว่า พวกเขาคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเป็นสิ่งสำคัญ แต่ความขัดแย้งของรัฐบาลทั้งสองประเทศในเรื่องอาณาเขตและทรัพยากร รวมถึงการขาดความเชื่อมั่นระหว่างญี่ปุ่นและจีนเป็นอุปสรรคต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ
ขณะเดียวกันชาวญี่ปุ่น 47.0% กล่าวว่ารู้สึกถูกคุกคามทางการทหารจากจีน ขณะที่ 52.7% ของชาวจีนก็รู้สึกว่าถูกญี่ปุ่นคุกคามเช่นกัน สำนักข่าวเกียวโดรายงาน