กมธ.ต่างประเทศ เชิญ"ศิริโชค"แจงเหตุขอข้อมูล"วิคเตอร์ บูท"ถึงเรือนจำ

ข่าวการเมือง Wednesday September 8, 2010 15:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ที่ประชุมคณะกรรมาธิการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี่นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น เป็นประธาน ได้เชิญนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เข้ามาชี้แจงกรณีเดินทางไปพบนายวิคเตอร์ บูท ผู้ต้องหาคดีค้าอาวุธ ที่เรือนจำกลางบางขวาง ในประเด็นต่างที่เกิดขึ้น โดยในวันนี้นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย(พท.) และแกนนำกลุ่ม นปช.ได้เดินทางมาเข้าประชุมในฐานะผู้ยื่นญัตติด้วย

นายศิริโชค กล่าวว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นมาจากนายนิติภูมิ นวรัตน์ คอลัมม์นิสต์ของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ที่ได้ไปรับฟังเรื่องเกี่ยวกับตนซึ่งไม่ได้เป็นข้อมูลที่แท้จริง เพราะแม้แต่กระทรวงการต่างประเทศก็เคยส่งหนังสือเตือนไปถึงนายนิติภูมิแล้ว ดังนั้นการที่นายจตุพรนำบทความที่นายนิติภูมิ เขียนไว้มาพูดในรัฐสภาถือว่าเป็นเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้และไม่มีน้ำหนักมากพอ

นอกจากนี้ การที่คณะกรรมาธิการการต่างประเทศได้เดินทางไปพบกับนายวิคเตอร์ บูท นั้นควรต้องตรวจสอบให้รอบคอบก่อน เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของนักโทษค้าอาวุธรายนี้ เพราะนายวิคเตอร์ บูทถือเป็นนักโทษระดับโลกและกำลังต้องเผชิญกับสภาวะที่วิกฤตทางคดีของตัวเอง เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่นายวิคเตอร์ บูท จะพยายามพูดว่ากระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยไม่มีมาตรฐาน

ส่วนสาเหตุที่ตนเดินทางไปพบกับนายวิคเตอร์ บูท เป็นเพราะต้องการทราบที่มาของเครื่องบินที่นายวิคเตอร์ บูท มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องว่ามาจากที่ใดกันแน่ เพราะเครื่องบินลำนี้อยู่ในบัญชีดำของทางสหรัฐอเมริกา และตนก็ได้พบว่าที่อยู่ของเครื่องบินลำนี้มาจากประเทศรัสเซีย แต่กลับมาจอดอยู่ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ของประเทศไทย และเมื่อได้ตรวจสอบข้อมูลลึกลงไปจะพบว่าเครื่องบินลำดังกล่าวถูกโอนมาหลายครั้ง และได้มีการโอนไปให้พ่อค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซียคนหนึ่ง ซึ่งมีความสัมพันธ์กับนายวิคเตอร์ บูท และในปัจจุบันได้อาศัยอยู่ที่ประเทศมอนเตเนโกร สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่นายวิคเตอร์ บูท ไม่ได้บอกกับคณะกรรมาธิการ ได้แต่บอกว่าเขาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใด ๆ

นอกจากนี้การเดินทางของเครื่องบินลำนี้มีการลงจอดเพื่อโหลดของอยู่ตลอดเวลา เช่น ที่ประเทศยูเครน, กรุงเปียงยางในเกาหลีเหนือ, มอนเตเนโกร และศรีลังกา จนมาถึงขากลับที่บินมาที่ประเทศไทยก่อนที่จะถูกจับ ส่วนประเด็นที่ว่าประเทศที่เครื่องบินลำนี้ผ่านกลับเป็นสถานที่พำนักของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้นตนก็ไม่ได้หมายความว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เกี่ยวข้องหรือไม่แต่อย่างใด เพียงแต่เป็นการตั้งข้อสังเกตเท่านั้น

ส่วนคดีความของนายวิคเตอร์ บูท ถูกทางสหรัฐอมเริกาตามเล่นงานอยู่นั้น คือกรณีการดักฟังโทรศัพท์ของทางสหรัฐฯ กับนายวิคเตอร์ บูท เอง ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับกรณีที่นายวิคเตอร์ บูท ถูกประเทศไทยจับในคดีเครื่องบินขนอาวุธสงคราม เพราะฉะนั้นการเดินทางไปพบกับนายวิคเตอร์ บูท ของตนนั้นไม่ได้ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับรัสเซียแน่นอน

นายจตุพร กล่าวว่า กรณีการเดินทางไปพบนายวิคเตอร์ บูท นั้น นายศิริโชค บอกคณะกรรมาธิการฯ อย่าไปเชื่อนายวิคเตอร์ บูท และนายศิริโชคไปพบเพื่อเจรจากับนายวิคเตอร์ บูท ทำไม การชี้แจงของนายศิริโชค เป็นเพียงการแก้ตัวเท่านั้น นายจตุพร ยังตั้งคำถามต่อนายศิริโชคว่า ถ้านายศิริโชคอ้างว่ามีเครื่องบินมาที่ประเทศเกาหลีเหนือและมีความเกี่ยวโยงกับนายวิคเตอร์ บูท ถ้านายศิริโชครู้เช่นนั้นเหตุใดจึงไม่ส่งเรื่องไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องให้จัดการเพื่อไม่ให้เป็นผลเสียต่อประเทศไทย

ส่วนกรณีที่นายศิริโชค ไปเจรจากับนายวิคเตอร์ บูท ตามที่ภรรยาของนายวิคเตอร์ บูท ออกมาแถลงการณ์ในนามของสามีว่า นายศิริโชค ไปตั้งคำถามที่เกี่ยวโยงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในทุกคำถาม เช่น มีการซื้อาวุธจากนายวิคเตอร์ บูท มาให้กลุ่มคนเสื้อแดงใช้ในการชุมนุม หรือการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีความเกี่ยวข้องกับการค้าวุธ และอีกคำถามหนึ่งก็คือคำถามที่เกี่ยวกับ KGB ในประเทศไทย ซึ่งตนอยากจะทราบว่าเพราะเหตุใดทำไมจึงต้องไปตั้งคำถามเหล่านั้นกับนายวิคเตอร์ บูท

นายจตุพร กล่าวต่อว่า การกระทำของนายศิริโชค เป็นการทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของศาลไทยเอง ประเทศรัสเซียจึงมองว่ามีฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เพราะฉะนั้นปัญหาในวันนี้เกิดจากการไม่รู้หน้าที่ของความเป็นคนไทย ทำให้ประเทศไทยต้องเผชิญกับภาวะวิกฤตกับประเทศมหาอำนาจ

นายศิริโชค กล่าวถึงกรณีการตั้งคำถามต่อนายวิคเตอร์ บูท โดยยืนยันว่าไม่ได้มีความต้องการเพื่อที่จะต่อรองเรื่องคดีความแต่อย่างใด เพราะในวันนั้นคดีความของนายวิคเตอร์ บูทเป็นที่สิ้นสุดแล้ว พร้อมมองว่าการที่คณะกรรมาธิการต่างประเทศเดินทางไปพบนายวิคเตอร์ บูท จะเป็นการสร้างปัญหาให้กับประเทศไทยมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะเมื่อพบและกลับออกมาแล้วคณะกรรมาธิการฯ กลับบอกว่านายวิคเตอร์ บูท เป็นเพียงนักธุรกิจคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการค้าอาวุธแต่อย่างใด การกระทำเช่นนี้เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรรมของประเทศไทย ที่อยู่ๆ ที่ตัวแทนของประชาชนออกมาปกป้องแก้ต่างแทนนายวิคเตอร์ บูท

พร้อมยืนยันว่าการเข้าพบกับนายวิคเตอร์ บูท นั้นทำไปเพื่อต้องการขอข้อมูลเท่านั้น ไม่ได้มีความต้องการที่จะสร้างปัญหาให้กับประเทศไทยแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯ ได้มีการโต้เถียงกันอยู่เป็นระยะระหว่างนายจตุพร กับนายศิริโชค จนประธานกรรมาธิการฯ ต้องสั่งพักการประชุมเพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้สงบสติอารมณ์ชั่วครู่ก่อนจะกลับมาประชุมใหม่ โดยในตอนท้ายนายศิริโชค กล่าวว่าหลังจากการที่ได้ไปพบนายวิคเตอร์ บูท นั้นไม่ได้ต้องการออกมาแถลงเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของ พ.ต.ท.ทักษิณ และยืนยันว่าการกระทำทั้งหมดไม่ใช่การแทรกแซงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและเป็นการทำหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก่อนที่ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ พร้อมสมาชิกกล่าวปิดการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการของนายศิริโชค


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ