นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐออกโรงเตือนถึงประเด็นการยื่นมือเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราที่มากเกินความจำเป็น โดยชี้ว่าการกระทำดังกล่าวอาจสร้างความเสียหายต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ไกธ์เนอร์ เลี่ยงที่จะพาดพิงถึงจีนโดยตรง แต่เรียกร้องให้กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ใช้นโยบายด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศที่เปิดกว้างมากขึ้น โดยระบุถึงความได้เปรียบเสียเปรียบของบางประเทศที่ได้ใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความยืดหยุ่น หรือประเทศที่ปล่อยลอยตัวค่าเงินในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ถ้อยแถลงของขุนคลังสหรัฐมีขึ้นก่อนหน้าที่รัฐมนตรีคลังและเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางจากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ หรือจี7 จะเข้าร่วมประชุมกันในวันศุกร์นี้ที่กรุงวอชิงตัน
นอกจากนี้ ไกธ์เนอร์กล่าวด้วยว่า "การควบคุมสกุลเงินไม่ให้แข็งค่าเกินไปนั้นเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเงินเฟ้อและภาวะฟองสบู่ด้านสินทรัพย์ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ และอาจสร้างแรงกดดันต่อการขยายตัวด้านการอุปโภคบริโภค ตลอดจนเกิดผลกระทบที่รุนแรงในระยะสั้นต่อปัจจัยหนุนด้านการส่งออก"
"ในยามที่กลุ่มประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่พยายามพยุงค่าเงินให้แข็งค่าขึ้นจากระดับที่อ่อนค่าลงเกินจริง ประเทศอื่นๆ ก็จะแห่ดำเนินการไปในแนวทางเดียวกัน ซึ่งการกระทำในลักษณะนี้จะเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจโลก"อย่างไรก็ตาม ไกธ์เนอร์กล่าวว่า การที่ญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราด้วยการเทขายเงินเยนเมื่อช่วงที่ผ่านมาเพื่อควบคุมการแข็งค่าของสกุลเงินในประเทศนั้นจะไม่ก่อให้เกิดสงครามค่าเงินแต่อย่างใด