สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (7 ต.ค.) เนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานที่ร่วงลงเกินคาดของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนลดการถือครองสัญญาทองคำ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 12.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,335.00 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,326.50 - 1,366.00 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 45.90 เซนต์ ปิดที่ 22.584 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 7.35 เซนต์ ปิดที่ 3.6795 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 7.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,705.00 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 2.55 ดอลลาร์ ปิดที่ 587.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง หลังจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร และหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 2 ต.ค.ร่วงลง 11,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 445,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 เดือน และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 455,000 ราย
นักวิเคราะห์กล่าวว่า แรงขายทำกำไรเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สัญญาทองคำร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดระดับใหม่ที่ 1,347.70 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อวันพุธ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ปคาดว่า สัญญาทองคำยังคงมีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นอีก โดยคาดว่าในระยะกลางและระยะสั้นนี้ สัญญาทองคำอาจจะทะยานขึ้นไปแตะระดับ 1,450 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะมีความเป็นไปได้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) หรือ QE ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง
นักลงทุนจับตาดูรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ย.ซึ่งกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดตัวเลขจ้างงานจะทรงตัวในเดือนก.ย. หลังจากลดลง 54,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนก.ย.จะอยู่ที่ 9.7% เพิ่มขึ้นจากเดือนส.ค.ที่ระดับ 9.6%