รัฐบาลญี่ปุ่นได้ปรับลดการประเมินภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นครั้งแรกในรอบ 20 เดือน โดยระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้เข้าสู่ภาวะชะงักงัน เนื่องจากความอ่อนแอของอุตสาหกรรมส่งออกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแข็งค่าของเงินเยน
"การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้เข้าสู่ภาวะชะงักงัน ขณะที่การแข็งค่าของเงินเยนอาจสร้างความเสี่ยงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ" รายงานการประชุมประจำเดือนต.ค.ของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุ ซึ่งสวนทางกับรายงานฉบับก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า "เศรษฐกิจยังคงกระเตื้องขึ้น"รายงานระบุว่า รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเงินฝืดเป็นลำดับแรก และจะทำงานร่วมกับธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เพื่อใช้นโยบายที่มีประสิทธิภาพและครอบคลุม พร้อมกับกล่าวว่า แม้ยอดส่งออกเดือนส.ค.ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 แต่รัฐบาลคาดการณ์ว่ายอดส่งออกเดือนก.ย.จะชะลอตัวลง เนื่องจากปริมาณการส่งออกสินค้าไปยังภูมิภาคเอเชียหดตัวลง นอกจากนี้ การชะลอตัวของยอดการส่งออกจะทำให้ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมอ่อนแอลงด้วย
ทั้งนี้ นับเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันที่รัฐบาลญี่ปุ่นปรับลดมุมมองการประเมินอุตสาหกรรมส่งออก และนับเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือนที่ปรับลดมุมมองอุตสาหกรรมภาคการผลิต
ส่วนในด้านผลประกอบการของบริษัทเอกชนนั้น รายงานของรัฐบาลระบุว่า "ฟื้นตัวขึ้น" โดยเฉพาะดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจที่กระเตื้องขึ้น แต่สถานการณ์ด้านการจ้างงานยังคงเผชิญกับภาวะวิกฤต นอกจากนี้ แม้ว่าอัตราการอุปโภคบริโภคกระเตื้องขึ้น แต่มีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับภาวะเงินฝืดเล็กน้อย
การปรับลดการประเมินภาวะเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่นมีขึ้นในช่วงที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า บีโอเจจะปรับลดการประเมินภาวะเศรษฐกิจในช่วงปลายเดือนนี้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เงินเยนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 15 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ แม้รัฐบาลญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงตลาดเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปีเพื่อสกัดกั้นการแข็งค่าของเงินเยนก็ตาม โดยเงินเยนที่แข็งค่าได้ส่งผลให้กำไรในตลาดต่างประเทศของบริษัทญี่ปุ่นหดตัวลงด้วย