ในการประชุมใหญ่ครั้งที่ 5 คณะกรรมการกลางชุดที่ 17 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ได้กำหนดนโยบายให้การบริโภคเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรก ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคตของจีนจะให้ความสำคัญกับอัตราการขยายตัวของการบริโภค
แถลงการณ์ของคณะกรรมการกลางชุดที่ 17 ของพรรคคอมมิวนิสต์ ที่เผยแพร่ภายหลังจากการประชุมครั้งที่ 5 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ระบุว่า จีนมีเป้าหมายในการรักษารูปแบบการเติบโตของเศรษฐกิจซึ่งขับเคลื่อนโดยภาคการบริโภค การลงทุน และการส่งออก ด้วยการปรับปรุงโครงสร้างการลงทุนและการวางรากฐานกลไกในระยะยาวเพื่อการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศให้ขยายตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม จีนควรจะกำจัดอุปสรรคที่ขัดขวางการเติบโตของอัตราการขยายตัวของการบริโภคเป็นอันดับแรก ซึ่งในอดีตนั้น กลไกขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้ง 3 ปัจจัย ซึ่งได้แก่ การบริโภค การลงทุน และการส่งออกนั้น การลงทุนและการส่งออกจะได้รับความสำคัญมากกว่าการบริโภค
อย่างไรก็ดี จีนได้เรียนรู้จากวิกฤติการเงินโลกในปี 2551 ว่า การพึ่งพาการการลงทุนและการส่งออกมากเกินไปนั้น ไม่ได้ทำให้จีนรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่งได้ในระยะยาว
จากบทเรียนดังกล่าว จีนได้เริ่มปรับโครงสร้างเศรฐกิจเพื่อเปลี่ยนแปลงไปสู่การขับเคลื่อนด้วยอุปสงค์ภายในประเทศ โดยการบริโภคในภาคเอกชนของจีนเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนและรถยนต์ในเขตพื้นที่ชนบท
แต่สถิติอย่างเป็นทางการชี้ให้เห็นว่า การเติบโตของการบริโภคที่แท้จริงของชาวจีนยังคงอยู่ในวงจำกัด และกำลังซื้อก็ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยการบริโภคของภาคเอกชนที่ส่งผลต่อการเติบโตของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าช่วงก่อนการปฏิรูปและการเปิดกว้างเศรษฐกิจของประเทศ
ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกเพื่อส่งเสริมการบริโภคก็คือการเปลี่ยนรูปแบบการผลิตเพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยการบริโภคควรเป็นเศรษฐกิจที่อิงตลาดอย่างเต็มรูปแบบ
อย่างไรก็ตาม การปฏิรูปอุตสาหกรรมที่มีการผูกขาดอยู่ของจีนนั้น ก็ยังคงต่ำกว่ากฎเกณฑ์ของเศรษฐกิจที่อิงตลาดมาอย่างต่อเนื่อง และโอกาสในการพัฒนาทุนของภาคเอกชนนั้นก็ยังอยู่ในวงจำกัด
สถานการณ์ทั้งหมดนี้บ่งบอกว่า การวางรากฐานกลไกการส่งเสริมการบริโภคในระยะยาวนั้น จีนจะต้องลงลึกด้านการปฏิรูปเพื่อให้ตลาดมีบทบาทมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ เงื่อนไขแรกสำหรัยการกระตุ้นการบริโภคก็คือ ประชาชนจะต้องมีเงินอยู่ในกระเป๋า ดังนั้น การปฏิรูปจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับการเพิ่มรายได้ต่อหัวของประชากร และการเพิ่มอัตราค่าจ้างแรงงาน ซึ่งถือเป็นการกระจายรายได้ขั้นต้น
เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยการบริโภคยังคงต้องพึ่งพาการปฏิรูปการรักษาพยาบาล ที่อยู่อาศัย กองทุนบำเน็จบำนาญ และการศึกษา สำนักข่าวซินหัวรายงาน