ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐหนุนดอลล์แข็งค่า ขณะนักลงทุนจับตาประชุมเฟด

ข่าวต่างประเทศ Tuesday November 2, 2010 07:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนและยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตมีการขยายตัวที่แข็งแกร่งแม้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นไปอย่างล่าช้าก็ตาม ขณะที่นักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนมีท่าทีเตรียมพร้อมรับผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐ และผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งเป็นที่คาดการณ์ในวงกว้างว่าเฟดจะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน

ค่าเงินดอลลาร์ดีดตัวขึ้น 0.24% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 80.580 เยน จากระดับของวันศุกร์ (29 ต.ค.) ที่ 80.390 เยน และพุ่งขึ้น 1.10% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9928 ฟรังค์ จากระดับ 0.9820 ฟรังค์

ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.25% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3875 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3947 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.07% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.6027 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6038 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียขยับขึ้น 0.02% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9836 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 0.9834 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.16% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7647 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7659 ดอลลาร์สหรัฐ

นักลงทุนเข้าซื้อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 56.9 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 54.0 จุด หลังจากขยายตัว 54.4 จุดในเดือนก.ย. ซึ่งดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐมีการขยายตัว

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนก.ย.ขยับขึ้น 0.2% และตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 0.5 % แตะระดับ 8.017 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลง 0.5% หลังจากลดลง 0.2 % ในเดือนส.ค.

นักลงทุนมีท่าทีเตรียมพร้อมรับผลการเลือกตั้งช่วงกลางสมัยของสมาชิกสภาคองเกรสในวันที่ 2 พ.ย. และการประชุมนโยบายของเฟดในวันที่ 2-3 พ.ย. โดยมีการคาดการณ์ในวงกว้างว่า เฟดจะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนก.ย., ดัชนีภาคบริการและดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจเดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. และยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ