สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 พ.ย.) เพราะได้ปัจจัยบวกจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยผลการประชุมนโยบายในวันพุธ โดยมีการคาดการณ์ว่าคณะกรรมการเฟดจะประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 6.30 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 1,356.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,350.20-1,359.90 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 28.40 เซนต์ ปิดที่ 24.836 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 5.4 เซนต์ ปิดที่ 3.8390 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 7.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,719.10 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 6.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 645.45 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำและสัญญาโลหะมีค่าประเภทอื่นๆ รวมถึงพลาตินัม ทะยานขึ้นหลังดัชนีดอลลาร์(dollar index) ร่วงลง 0.7% เมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะประกาศใช้มาตรการ QE รอบสอง ด้วยการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรในการประชุมซึ่งจะเสร็จสิ้นในคืนวันพุธที่ 3 พ.ย.ตามเวลาประเทศไทย การดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว แต่จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงอีก
เทรดเดอร์ในตลาดทองคำให้ความสนใจกับการเลือกตั้งกลางเทอมของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐซึ่งจะทราบผลในช่วงเช้าวันที่ 3 พ.ย.ตามเวลาประเทศไทย โดยโพลล์หลายสำนักระบุว่า พรรครีพับลิกันจะสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐแทนพรรคเดโมแครต เนื่องจากชาวอเมริกันไม่พอใจกับผลงานด้านเศรษฐกิจของคณะทำงานโอบามา โดยเฉพาะอัตราการว่างงานที่พุ่งขึ้นเกือบแตะระดับ 10%