นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า จากปัญหาอุทกภัยหนักในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ คาดว่าจะส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ในช่วงไตรมาส 4/53 ให้ลดลงเหลือ 2-2.5% จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะโต 3-4%
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ต.ค.ที่ปรับตัวลดลงทุกรายการเป็นผลมาจากปัญหาอุทกภัยและภาวะเงินบาทแข็งค่า ซึ่งในกรณีของปัญหาน้ำท่วมทำให้ผู้บริโภคมีความกังวลใจต่อรายได้ในอนาคตและโอกาสในการหางานทำที่จะลดน้อยลง ส่วนผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่านั้น ทำให้ผู้บริโภคมีความกังวลต่อการหารายได้ในอนาคต และที่น่าเป็นห่วง คือ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงนั้นส่งผลให้การซื้อรถยนต์ใหม่ ที่อยู่อาศัยใหม่ และการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวลดลง ขณะที่ปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น กับความกังวลเรื่องค่าครองชีพนั้นเป็นผลกระทบที่เสริมเข้ามา
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า หากรัฐบาลไม่เริ่มเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน ก็จะยิ่งทำให้บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคลดลงไปมากขึ้น และส่งผลให้ GDP ในไตรมาส 4/53 อาจจะปรับตัวลดลงเหลือ 2-2.5% จากเดิมที่คาดว่าจะโตได้ 3-4%
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ทั่วประเทศนั้น จากเดิมที่คาดว่าจะเกิดความเสียหายมากกว่า 7,000 - 10,000 ล้านบาทนั้น หลังจากที่ได้ประเมินสถานการณ์ดูแล้วคาดว่าความเสียหายน่าจะมีเพิ่มมากขึ้นกว่านี้ ทั้งนี้ ม.หอการค้าไทย เห็นด้วยที่รัฐบาลจะเข้าไปฟื้นฟูและชดเชยความเสียหายให้แก่ภาคการเกษตร เพราะหากการชดเชยทำได้เร็วขึ้นเท่าใดก็จะทำให้เม็ดเงินในส่วนนี้กลับเข้าไปสู่ระบบได้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าเม็ดเงินดังกล่าวจะมีประมาณ 50,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบที่จะมีต่อ GDP ลงได้