สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเสรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)หรือสภาพัฒน์ คาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ(จีดีพี)ไทยในปี 53 ขยายตัว 7.9% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 7-7.5% อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 3.2% แม้ว้าจะมีภาวะน้ำท่วมที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อจีดีพีราว 0.3% ก็ตาม
อนึ่ง จีดีพีไตรมาส 3/53 เติบโตในระดับ 6.7% ส่วนไตรมาส 4/53 แม้ว่าจะชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า แต่ยังเชื่อว่าจะเป็นบวกได้ หากสามารถรักษาระดับการเติบโตของส่งออกไว้ได้ที่ 15-20%
ปัจจัยที่เป็นแรงส่งในการเติบโตของจีดีพีปีนี้มาจากทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์ภายในประเทศ โดยการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 13.9% และ 4.9% ตามลำดับ ขณะที่การส่งออกในรูปดอลลาร์ขยยายตัว 25.1%
"ถือว่าเศรษฐกิจไทยมีแรงขับเคลื่อนจากการส่งออกเป็นหลัก ประกอบกับการท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว การใช้จ่ายภาคครัวเรือนอยู่ในเกณฑ์ดี และการลงทุนภาคเอกชนขายตัว"เลขาธิการ สภาพัฒน์ กล่าว
สำหรับในปี 54 คาดว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะอยู่ที่ 3.5-4.5% ชะลอลงจากปี 53 โดยยังมีปัจจัยที่ต้องติดตาม คือเรื่องของเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และเรื่องของปัญหาน้ำท่วม โดยสภาพัฒน์ประเมินค่าเงินบาทในปีหีน้าไว้ที่ 29 บาท/ดอลลาร์
ทั้งนี้ สิ่งที่ภาครัฐควรต้องเร่งดำเนินการ คือ เร่งฟื้นฟูน้ำท่วม การบริหารจัดการราคาสินค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นจากผลกระทบอุทกภัย และต้นทุนการผลิตที่มีแนวโน้มปรับสูงขึ้น นอกจากนี้การส่งเสริมและจูงใจภาคธุรกิจส่งออกให้ใช้เครื่องมือบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ และเร่งแก้ไขปัญหาและบริหารจัดการแรงงาน ทั้งในส่วนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและการขาดแคลนในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ และการเร่งรัดการการดำเนินการตามแผนปรองดอกงอย่างเป็นรูปธรรม