"หม่อมอุ๋ย"เชื่อศก.ปีหน้าโตได้ดี หลังธปท.ใส่ใจเงินไหลเข้า-ปัญหาฟองสบู่

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 24, 2010 17:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวในหัวข้อ"การขยายตัวทางเศรษฐกิจท่ามกลางวิกฤติการเมือง"ว่า เชื่อว่าเศรษฐกิจปี 54 น่าจะยังเติบโตไปได้ดี จากกลไกขับเคลื่อนสำคัญคือ การบริโภคในประเทศที่จะขยายตัวขึ้นมากตามราคาพืชผลทางการเกษตร และที่สำคัญธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ได้มีการดูแลเงินไหลเข้าเพื่อระวังประเทศ และป้องกันภาวะฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการออกมาตรการควบคุม ทำให้สบายใจว่าธปท.มีการดูแลปัญหาแล้ว

ทั้งนี้ ช่วงที่มีเงินไหลเข้ามามากในเดือน พ.ค.-ก.ย.53 ธปท.ได้เข้าไปดูแลค่าเงินบาท ทำให้ทุนสำรองทางการระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 1.97 หมื่นล้านเหรียญ แต่เงินบาทก็ยังแข็งค่าขึ้นถึง 2.20 บาท/ดอลลาร์

แต่ในช่วงเดือน ต.ค.53 เดือนเดียว ทุนสำรองฯ เพิ่มขึ้นถึง 7.7 พันล้านเหรียญ ขณะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น 0.40 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นช่วงการเปลี่ยนผู้ว่าการ ธปท.สะท้อนว่าผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่อาจเห็นอะไร จึงทำให้มีการแทรกแซงค่าเงินอย่างเต็มที่ เพราะหากไม่มีการแทรกแซงเป็นมูลค่าที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นนี้ ก็อาจทำให้เงินบาทแข็งค่าไปถึง 27 บาท/ดอลลาร์ไปแล้วก็ได้

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า เศรษฐกิจในปี 54 ยังน่าจะเติบโตได้ถึง 4.0-4.5% ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์)คาดการณ์ แต่ตัวหลักในการขับเคลื่อนจะมาจากการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งมองว่าน่าจะเติบโตได้มากกว่า 5% เนื่องจากขณะนี้ราคาพืชผลเกษตรปรับเพิ่มขึ้นมาก ทั้งยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์ม และอ้อย ส่งผลดีต่อรายได้ของภาคเกษตร และทำให้การบริโภคภาคเอกชนสูงกว่าปี 53

แต่การลงทุนอาจจะเติบโตชะลอลง เหลือไม่ถึง 15% เนื่องจากภาคเอกชนได้เร่งลงทุนไปมากแล้วในปี 53 เพื่อรองโครงการมาบตาพุด ขณะที่การขยายกำลังผลิต แม้จะเพิ่มขึ้นแต่คงไม่เร่งตัวมากนัก ส่วนการส่งออก มองว่าแม้จะเติบโตต่อไปได้ แต่ก็จะมีการนำเข้าในอัตราสูงเช่นกัน ขณะที่ประเทศตลาดส่งออกใหญ๋ อย่างยุโรป สหรัฐ และญี่ปุ่น เศรษฐกิจยังไม่เติบโตมากนัก ดังนั้น การส่งออกจะมุ่งไปที่ตลาดเอเชียเป็นหลัก

แต่ที่ยังกังวลอยู่คือเรื่องการท่องเที่ยว เพราะในช่วงปี 53 ไตรมาสแรกดีขึ้น แต่ไตรมาส 2 มีการชุมนุมทำให้การท่องเที่ยวหดตัวลงไป และปลายไตรมาส 3 เริ่มดีขึ้นแล้ว และไตรมาส 4 มีอัตราเติบโตเร่งตัวขึ้นมาก หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์สะดุดเหมือนในปีนี้ หากเป็นเช่นนั้นก็น่าจะทำให้การท่องเที่ยวเติบโตได้มาก

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ในปีนี้เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ดี โดยมีกลไกขับเคลื่อนหลักมาจากราคาพืชผลเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนที่ปรับตัวสูงขึ้นหลังจากปลดล็อคมาบตาพุด ทำให้มีการนำเข้าเครื่องจักรจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมีการเพิ่มขึ้นของสินค้าคงคลังช่วงไตรมาส 3/53 ทำให้เห็นว่ามีการลงทุนสต็อกสินค้าจำนวนมาก ขณะที่การส่งออกนั้นช่วง 9 เดือน net export ยังติดลบ

"เศรษฐกิจหลังยุบพรรคหรือยุบสภายังเติบโตได้ ไม่ว่าจะมีใครมาบริหารประเทศเนื่องจากเศรษฐกิจขับเคลื่อนมาจากการบริโภคภาคเอกชนเป็นหลัก" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว

พร้อมเสนอแนะการแก้ปัญหาสังคมที่มีความแตกเยกทางความคิดในขณะนี้ว่า หาก 2 ขั้วพรรคการเมือง รวมกันเป็นรัฐบาลจะสร้างความปรองดองได้ อย่างน้อยในช่วง 2-3 ปี เพื่อวางแผนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกครั้งใหญ่ ดังนั้นหัวหน้าพรรคการเมือง 2 ขั้วควรที่จะใจกว้างเลิกทิฐิและอัตรา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ