ธนาคารกลางสิงคโปร์เปิดเผยในรายงาน "Financial Stability Review" ซึ่งมีการเผยแพร่ในวันนี้ว่า ประเทศในเอเชียควรให้ความสำคัญกับการขยายตลาดการเงินในภูมิภาคเป็นลำดับแรก เพื่อให้เอเชียสามารถรักษาสถานะการเป็นศูนย์กลางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากมีกระแสเงินทุนไหลเข้าสู่เอเชียจำนวนมาก
รายงานของธนาคารกลางสิงคโปร์ระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศในกลุ่ม G3 (ยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐ) ยังคงอยู่ในภาวะที่เปราะบางมาก และกำลังเผชิญกับปัญหาที่เป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นการคลัง ซึ่งการที่เศรษฐกิจและระบบการเงินของกลุ่ม G3 ยังคงเปราะบางนั้น ทำให้โอกาสที่กลุ่มประเทศนี้จะกลับมาใช้นโยบายการเงินได้อย่างปกติ ต้องล่าช้าออกไปด้วย นอกจากนี้ นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายที่กลุ่ม G3 นำมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ยังส่งผลให้มีสภาพคล่องหนาแน่นทั่วโลก
"กระแสเงินทุนไหลเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียจำนวนมาก หากปริมาณเงินไหลเข้ายังคงอยู่ในอัตราเท่ากับระดับในปัจจุบันหรือเพิ่มขึ้น ก็จะยิ่งทำให้ราคาสินทรัพย์สูงขึ้นอีก นอกจากนี้ ปริมาณเงินทุนที่ไหลเข้าจำนวนมากจะสร้างความผันผวนให้กับอัตราแลกเปลี่ยนและจะส่งผลให้ทางรัฐบาลต้องหันมานโยบายการเงินเพิ่มเติมเพื่อจัดการกับสภาพคล่องส่วนเกิน โดยเฉพาะในประเทศตลาดเกิดใหม่บางประเทศที่มีแรงกดดันของเงินเฟ้อสูงมาก" รายงานของธนาคารกลางสิงคโปร์ระบุ
นอกจากนี้ ธนาคารกลางสิงคโปร์กล่าวว่า ที่ผ่านมานั้น รัฐบาลในประเทศเอเชียได้ใช้มาตรการแก้ปัญหาความเสี่ยงที่เป็นผลมาจากกระแสเงินทุนไหลเข้า ในขณะที่บางประเทศในเอเชียเริ่มใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินเพื่อลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ธนาคารกลางสิงคโปร์ระบุว่า เนื่องจากเอเชียยังคงต้องพึ่งพาอุปสงค์จากกลุ่ม G3 จึงอาจทำให้เศรษฐกิจเอเชียซบเซาลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน