ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในสัปดาห์หน้า(29 พ.ย.-3 ธ.ค.) เงินบาทในประเทศ(Onshore) อาจเคลื่อนไหวในกรอบประมาณ 29.95-30.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยจะต้องจับตารายงานเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยเดือนต.ค. อัตราเงินเฟ้อของไทยเดือนพ.ย. ผลการประชุมนโยบายการเงิน (1 ธ.ค.) และประเด็นทางการเมืองในประเทศ ตลอดจนกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ และทิศทางของสกุลเงิน/ตลาดหุ้นในภูมิภาค
รวมถึงทิศทางของเงินดอลลาร์ฯ ซึ่งอาจขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ อาทิ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ดัชนี ISM ภาคการผลิตและบริการ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนพ.ย. รายจ่ายด้านการก่อสร้าง ยอดสั่งซื้อของโรงงาน ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขายเดือนต.ค. ดัชนีราคาบ้านของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เดือนก.ย. รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจหรือ Beige Book ข้อมูลประสิทธิภาพการผลิต ต้นทุนแรงงานต่อหน่วย (ครั้งที่ 2) ประจำไตรมาส 3/2553 และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรปในระหว่างสัปดาห์อีกด้วย
ทั้งนี้ เงินบาทในประเทศ ร่วงลงอย่างหนักในช่วงปลายสัปดาห์เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฯ เงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์ ก่อนจะอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ โดยถูกกดดันจากแรงขายสุทธิหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ และการอ่อนค่าของสกุลเงินในภูมิภาค ซึ่งสอดคล้องกับแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุน ท่ามกลางความกังวลต่อการปะทะกันในคาบสมุทรเกาหลี วิกฤตหนี้ในยุโรป (ที่อาจลุกลามไปยังประเทศอื่นๆ ที่มีภาคการคลังที่อ่อนแอ) และสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินของทางการจีน สำหรับในวันศุกร์ เงินบาทอ่อนค่าลงมาปิดตลาดปลายสัปดาห์ที่ระดับ 30.17 (ตลาดเอเชีย) เทียบกับระดับ 29.92 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (19 พ.ย.)