สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 0.5% เมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันจันทร์ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าสัญญาทองคำยังคงมีแนวโน้มในช่วงขาขึ้น เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนแอ อันเนื่องมาจากคาดการณ์ที่ว่ารัฐบาลสหรัฐจะอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินเพิ่มขึ้น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 7.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,409.00 ดอลลาร์/ออนซ์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 4.2 เซนต์ ปิดที่ 29.777 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 4.15 เซนต์ ปิดที่ 4.0495 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 8.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,705.20 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ดิ่งลง 12.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 738.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1416.1 ดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ นักลงทุนจำนวนมากก็แห่เข้ามาเทขายทำกำไร โดยเฉพาะในช่วงใกล้ปลายปีที่นักลงทุนมักมองว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะทำกำไร
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าตลาดทองคำยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้นและมีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่ารัฐบาลสหรัฐและรัฐบาลในหลายประเทศจะอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน ซึ่งจะส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์และสกุลเงินต่างๆอ่อนตัวลง
สัญญาทองคำทะยานขึ้นไปแล้ว 29% ตั้งแต่ต้นปี 2553 หลังจากรัฐบาลสหรัฐอัดฉีดเงินจำนวนมากเข้าสู่ระบบการเงินและคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นเวลานาน เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่การดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนแอลงและเป็นปัจจัยหนุนสัญญาทองคำ