ธนาคารกลางจีนได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย rediscount และดอกเบี้ย re-loan เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี เมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้นทุนเงินกู้ของธนาคารต่างๆสูงขึ้น
การเคลื่อนไหวครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะควบคุมนโยบายการเงินให้เข้มงวดมากขึ้น หลังจากที่ได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ในวันเดียวกันไปแล้วก่อนหน้านี้ แม้ว่านโยบายดังกล่าวจะส่งสัญญาณให้เห็นถึงการคุมเข้ม แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่า การขึ้นดอกเบี้ยจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดเงินของจีนมากนัก เนื่องขอบเขตของ rediscount และ re-loan จากธนาคารกลางจีนที่ปล่อยให้กับสถาบันการเงินนั้นค่อนข้างจะอยู่ในปริมาณที่ไม่มากนัก
-- เจิง ซงเฉิง เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางจีนกล่าวว่า เสถียรภาพด้านราคาควรจะเป็นเป้าหมายหลักของนโยบายการเงินของจีน จีนควรจะนำเรื่องราคาสินทรัพย์มาพิจารณาในช่วงที่ต้องมีการกำหนดนโยบายเงินตรา เนื่องจากราคาที่อยู่อาศัยและราคาหุ้นได้กลายเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของสินทรัพย์ส่วนบุคคล
นอกจากนี้ เจิงกล่าวว่า จีนควรจะเร่งเปิดเสรีอัตราดอกเบี้ยด้วยการประยุกต์ใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยที่อิงตลาดมากกว่าเดิม รวมทั้งการสนับสนุนให้สถาบันการเงินจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการด้านการบริหารความมั่งคั่งมากขึ้น
-- แบงค์ ออฟ ไชน่า เปิดเผยว่า ยอดการปล่อยเงินกู้ครั้งใหม่ของจีนในปีนี้คาดว่า จะอยู่ที่ 7 ล้านล้านหยวน หรือ 1.06 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงจากเป้าหมายที่รัฐบาลได้กำหนดไว้สำหรับปีนี้ที่ 7.5 ล้านล้านหยวน
ขณะที่ปัญหาเงินเฟ้อทำให้ประชาชนวิตกกังวลในวงกว้างมากขึ้นนั้น ยังได้ทำให้มีการคาดการณ์ว่า จีนจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้นด้วย โดยรายงานของสื่อคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนอาจจะขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีแรก
-- สำนักปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) เปิดเผยว่า ธนาคาร 16 แห่งได้ดำเนินธุรกรรมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ผิดปกติตั้งแต่ช่วงเดือนต.ค.
โดยสำนักงานฯได้เปิดเผยรายชื่อที่มีทั้งบริษัทและบุคคลที่ไม่สามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบอัตราแลกเปลี่ยนต่างประเทศได้ ซึ่งมีทั้งสาขาบางแห่งของธนาคารอินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงค์ ออฟ ไชน่า, อะกริคัลเจอรัล แบงค์ ออฟ ไชน่า, แบงค์ ออฟ ไชน่า และไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงค์
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะสกัดกระแสเงินร้อนที่ไหลเข้าประเทศ สำนักข่าวซินหัวรายงาน