สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ (31 ธ.ค.) เนื่องจากการอ่อนตัวของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำอย่างหนาแน่นในวันสุดท้ายของปี 2553 ขณะที่สัญญาพลาตินัมและพัลลาเดียมทะยานขึ้นถ้วนหน้าเนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2554
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 15.5 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 1,421.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 42.4 เซนต์ หรือ 1.4% แตะที่ 30.937 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ดีดขึ้นแตะระดับ 3.00 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 28.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1778.20 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 17.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 803.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 17.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำทะยานขึ้นทำนิวไฮในการซื้อขายวันสุดท้ายของปี 2553 เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์มีราคาถูกลงสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ โดยเมื่อวานนี้ ดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ ร่วงลง 0.7% แตะระดับ 78.94 จุด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลอดปี 2553 สัญญาทองคำ COMEX พุ่งขึ้นไปแล้ว 29.7% ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 10 ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า สัญญาทองคำจะทะยานขึ้นต่อเนื่องในปี 2554 เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง อันเป็นผลมาจากอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทั่วโลก และการอ่อนตัวลงของสกุลเงินดอลลาร์และยูโร
ดาเนียล ฮิวจ์ ประธานพีทีไอ ซิเคียวริตีส์ แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวกับซินหัวว่า "ปัจจัยสำคัญที่จะหนุนราคาทองคำพุ่งขึ้นอีกในปีหน้าคือความต้องการซื้อทองคำที่สูงขึ้น รวมถึงคำสั่งซื้อของกลุ่มกองทุน ETF นักลงทุนจีน และธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางที่เข้าซื้อทองคำเป็นจำนวนมากในช่วง 2 ปีหลังนี้"