หม่า จุน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของดอยช์แบงก์จากฮ่องกง กล่าวว่า ในปี 2554 จีนแผ่นดินใหญ่จะเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอาจพุ่งสูงสุดในรอบ 11 ปี
นายหม่ากล่าวในการสัมมนาว่า เขาคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ของจีน ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อ จะขยายตัว 4.4% ในปี 2554 จากประมาณ 3.3% ในปี 2553
นอกจากนั้นนายหม่ายังเชื่อว่า อัตราเงินเฟ้ออาจพุ่งแตะระดับสูงสุดที่ 5.5% เมื่อเทียบรายปีในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ก่อนที่จะลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงสิ้นปี
เขากล่าวว่า ปัจจัยหลักที่หนุนให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงก่อนหน้านี้คือค่าเช่า ต้นทุนแรงงาน ค่าวัตถุดิบ และราคาผลิตภัณฑ์เกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนปัจจัยที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นในปีนี้คือสภาพอากาศที่เลวร้าย อัตราความเร็วของการหมุนเวียนของเงินที่เพิ่มขึ้น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลกที่สูงขึ้น รวมถึงนโยบายของรัฐที่ประสบความล้มเหลว
"หากอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นแตะ 6-7% รัฐบาลต้องใช้มาตรการที่แข็งกร้าวในการควบคุมราคาสินค้าและเศรษฐกิจ" เขากล่าวนอกจากนั้นนายหม่ายังคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของจีนมีแนวโน้มขยายตัว 8.7% ในปี 2554 จากราว 10% ในปี 2553 เนื่องจากยอดส่งออกที่ลดลง
เขาคาดการณ์ว่า ยอดส่งออกจะขยายตัว 15% ในปี 2554 ลดลงจากระดับ 31% ในปี 2553 สำนักข่าวซินหัวรายงาน