นายฉิน เสี่ยว ประธานมูลนิธิป๋อหยวนและอดีตผู้อำนวยการบริษัทไชน่า เมอร์แชนท์ส กรุ๊ปกล่าวในการประชุมที่นิวยอร์กว่า จีนจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการขยายตัวของเศรษฐกิจจาก"การมีระบบเงินออมตามลำดับขั้นทางสังคม" ไปเป็น"การมีระบบเงินออมตามศักยภาพการผลิต" และ"การมีระบบเงินออมในระดับสถาบัน" และระยะเวลา 30 ปีต่อจากนี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของการเปลี่ยนแปลง
เขากล่าวว่า ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา การพัฒนาเศรษฐกิจของจีนอาศัยระบบ"เงินออมตามลำดับขั้นทางสังคม" มาโดยตลอด แต่การพัฒนาเศรษฐกิจในรูปแบบดังกล่าวไม่สามารถดำเนินไปอย่างยั่งยืน ในขณะที่จีนมีประชากรสูงวัย, มีการพึ่งพาการส่งออกอย่างมาก และมีสิ่งท้าทายอื่นๆ ดังนั้น จีนต้องหันไปพัฒนาเศรษฐกิจแบบ "เงินออมตามศักยภาพการผลิต" และ "เงินออมในระดับสถาบัน" เพื่อให้เศรษฐกิจเข้าสู่ยุคใหม่ของการพัฒนาที่มีคุณภาพมากขึ้น, มีความสมดุลมากขึ้น และมีความยั่งยืนมากขึ้น
"ในช่วงเวลา 30 ปีต่อจากนี้เป้าหมายก็คือ การขยายเศรษฐกิจในประเทศผ่านการพัฒนาทุนด้านบุคลากร, นวัตกรรมทางเทคนิค และการยกระดับโครงสร้างทางอุตสาหกรรมจากมูลค่าเพิ่มในระดับต่ำไปเป็นมูลค่าเพิ่มในระดับสูง" เขากล่าวในระยะหลังบรรดาผู้นำจีนต่างเน้นย้ำถึงความจำเป็นของการปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศรวมถึงการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในอัตราที่เร็วขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า กล่าวว่า การเร่งปรับเปลี่ยนรูปแบบการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนถือเป็นภารกิจเร่งด่วนในการพัฒนาประเทศ สำนักข่าวซินหัวรายงาน