Analysis: จีนอาจเร่งจังหวะในการใช้นโยบายการเงินแบบระมัดระวังในปีนี้

ข่าวต่างประเทศ Wednesday January 12, 2011 18:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารกลางจีนอาจจะเร่งจังหวะในการใช้นโยบายการเงินแบบระมัดระวัง เนื่องจากแรงกดดันด้านสภาพคล่องที่เป็นผลมาจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของสินเชื่อและสัญญาซื้อเงินตราต่างประเทศ

ความเคลื่อนไหวที่อาจจะเกิดขึ้นคือ จีนอาจขึ้นเพดานการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) อีกครั้งภายในเดือนนี้

ข้อมูลล่าสุดที่ธนาคารกลางจีนได้เปิดเผยนั้น ระบุว่า ยอดปล่อยกู้ใหม่ของจีนในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว อยู่ที่ 4.807 แสนล้านหยวน และยอดการปล่อยกู้ทั้งหมดตลอดทั้งปี 2553 อยู่ที่ 7.95 ล้านล้านหยวน ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายตลอดทั้งปีของรัฐบาลที่ 7.5 ล้านล้านหยวน

เอ้อ หยงเจียน นักวิจัยของศูนย์วิจัยการเงินของแบงก์ ออฟ คอมมิวนิเคชั่นส์ มองว่า ธุรกิจจำนวนมากได้กู้เงินก่อนที่จะถึงปี 2554 เนื่องจากความต้องการสินเชื่อธนาคารในระบบเศรษฐกิจที่แท้จริงนั้นยังแข็งแกร่ง และการควบคุมการปล่อยสินเชื่อในปีนี้ก็คาดว่า จะมีความเข้มงวดมากขึ้น

หลู เจิงเหว่ย นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของอินดัสเทรียล แบงก์ เผยว่า การขยายตัวของสินเชื่อนั้นลดลงอย่างมากในปี 2553 และสถานการณ์ก็อาจจะเป็นเช่นนี้ต่อไปในปี 2554

อย่างไรก็ตาม โบรกเกอร์หลายรายได้แย้มว่า ยอดการปล่อยกู้ใหม่สูงถึง 6 แสนล้านหยวนในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ต่างๆต้องการที่จะปล่อยกู้ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการใช้มาตรการควบคุมที่จะเข้มงวดมากขึ้นในปีนี้

โดยนอกเหนือจากการปล่อยกู้ในระดับสูงแล้วนั้น สัญญาซื้อเงินตราต่างประเทศที่พุ่งขึ้นก็สร้างแรงกดดันให้กับสภาพคล่องเช่นกัน

ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนขยายตัวค่อนข้างรวดเร็วในไตรมาส 4 ของปี 2553 โดยเพิ่มขึ้น 1.99 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าทุนสำรองในไตรมาส 3 อยู่ 5 พันล้านดอลลาร์

ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีน ณ สิ้นปี 2553 อยู่ที่ 2.85 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 18.7% จากระดับปีที่แล้ว ข้อมูลจากธนาคารกลางจีนระบุ

นักวิจัยของศูนย์วิจัยการเงินฯ กล่าวต่อไปว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศขยายตัวอย่างรวดเร็ว คือ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่มีเสถียรภาพ และยอดเกินดุลการค้าที่สูงขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความแตกต่างระหว่างสัญญาซื้อสกุลเงินต่างประเทศและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ กับยอดเกินดุลการค้านั้น อยู่ในระดับสูงมากในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2553 ซึ่งบ่งชี้ว่า กระแสเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศได้เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงดังกล่าว

แม้ว่า ธนาคารกลางจีนจะขึ้นเพดานกันสำรองบ่อยครั้ง และเริ่มขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว แต่ผลพวงที่เกิดขึ้นนั้นยังไม่แน่นอน เมื่อพิจารณาจากตัวเลขการเงินเหล่านี้

คงเป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นสัญญาซื้อสกุลเงินต่างประเทศลดลง เมื่อพิจารณาจากกระแสคาดการณ์เรื่องการแข็งค่าของเงินหยวนที่มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ทำให้เป็นเรื่องท้าทายสำหรับจีนในการจัดการกับแรงกดดันด้านสภาพคล่องที่ได้รับปัจจัยผลักดันจากยอดการปล่อยกู้และสัญญาซื้อสกุลเงินต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น

นักวิจัยของศูนย์วิจัยการเงินฯ กล่าวว่า แม้เพดานกันสำรองของธนาคารขนาดใหญ่ของจีนจะทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 18.5% แต่ธนาคารกลางจีนก็อาจจะขึ้นเพดานกันสำรองอีก เพื่อบริหารสภาพคล่องที่สูงเกินไป รับมือกับราคาสินค้าที่สูงขึ้น และจัดการกับข้อจำกัดในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ทั้งนี้ แผนกบริหารเชิงกลยุทธ์ของธนาคารอะกริคัลเจอรัล แบงก์ ออฟ ไชน่า ระบุในรายงานว่า ธนาคารกลางจีนจะขึ้นเพดานกันสำรอง 3-5 ครั้งในปีนี้ ซึ่งรวมแล้วมีการปรับขึ้นทั้งหมด 1.50-2.50%

แม้ว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยถือเป็นเรื่องจำเป็นในยามที่จีนต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในระดับสูง แต่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งมองว่า ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (สเปรด) ที่สูงขึ้นระหว่างจีนและประเทศอื่นๆ จะนำไปสู่กระแสเงินทุนไหลเข้า ท่ามกลางสภาพคล่องที่สูงเกินไปทั่วโลกและการใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบใหม่ของสหรัฐ

นอกจากนี้ เงินหยวนจะยังคงแข็งค่าขึ้นปานกลางในปีนี้ และผลพวงอันเนื่องมาจากเงินหยวนแข็งค่าจะช่วยชดเชยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงนี้หมายความว่า จีนอาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงเล็กน้อยในปีนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ