ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรพุ่งเทียบดอลล์ ขานรับสเปน-อิตาลีขายพันธบัตรราบรื่น

ข่าวต่างประเทศ Friday January 14, 2011 07:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ม.ค.) หลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลสเปนและอิตาลีประสบความสำเร็จในการขายพันธบัตร นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อสกุลเงินยูโรหลังจากประธานธนาคารกลางยุโรปได้ออกมาแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในยุโรป ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงหลังจากกระทรวงแรงงานระบุว่า จำนวนคนว่างงานสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน

ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 1.67% แตะที่ 1.3355 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.3135 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์ดีดตัวขึ้น 0.39% แตะที่ 1.5830 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5769 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง 0.20% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 82.770 เยน จากระดับของวันพุธที่ 82.940 เยน และอ่อนตัวลง 0.23% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9638 ฟรังค์ จากระดับ 0.9660 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียขยับขึ้น 0.06% แตะที่ 0.9965 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 0.9959 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.86% แตะที่ 0.7697 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7631 ดอลลาร์สหรัฐ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ค่าเงินยูโรได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า รัฐบาลสเปนสามารถขายพันธบัตรอายุ 5 ปีมูลค่า 3 พันล้านยูโร (3.9 พันล้านดอลลาร์) ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าตลาดรอง ในขณะที่รัฐบาลอิตาลีก็ประสบความสำเร็จในการขายพันธบัตรเช่นกัน ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนส่วนใหญ่คลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป

กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปผ่อนคลายลงนับตั้งแต่รัฐบาลโปรตุเกสสามารถขายพันธบัตรมูลค่า 1.25 พันล้านยูโร หรือ 1.62 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งสัดส่วนของการจองซื้อพันธบัตรอายุ 4 ปีนั้น สูงกว่าปริมาณพันธบัตรถึง 2.6 เท่า และสัดส่วนของการจองซื้อพันธบัตรอายุ 10 ปีมีจำนวนสูงกว่าปริมาณพันธบัตรถึง 3.2 เท่า โดยปัจจัยที่ทำให้ตลาดคลายความวิตกกังวลมาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรโปรตุเกสที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2563 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.716% จากการประมูลครั้งหลังสุดในเดือนพ.ย.ที่ 6.806%

นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อสกุลเงินยูโรเพื่อป้องกันความเสี่ยง หลังจากนายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรปเปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางเมื่อวานนี้ว่า "มีหลักฐานบ่งชี้ว่ายุโรปกำลังเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น" ซึ่งการแสดงความคิดเห็นของทริเชต์ทำให้เกิดการคาดการณ์ในตลาดว่า ธนาคารกลางยุโรปอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะช่วยหนุนสกุลเงินยูโรให้แข็งค่าขึ้นด้วย

คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรปมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ 1% ในการประชุมเมื่อวานนี้ แม้อัตราเงินเฟ้อรายปีในกลุ่มยูโรโซนพุ่งขึ้นแตะระดับ 2.3% ในเดือนธ.ค. ซึ่งสูงกว่าระดับเป้าหมายของอีซีบีและเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีก็ตาม

ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 8 ม.ค. พุ่งขึ้น 35,000 ราย แตะระดับ 445,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 405,000 ราย

ค่าเงินดอลลาร์ถูกกดดันมากขึ้นเมื่อนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวในที่ประชุมธุรกิจที่วอชิงตันว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวในอัตรา 3-4% ในปีนี้ แต่ยังไม่แข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้อัตราว่างงานลดลงได้ โดยปัจจุบันอัตราว่างงานของสหรัฐยืนอยู่ที่ระดับ 9.4% ซึ่งนับว่าสูงมาก

ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในวันศุกร์นี้ รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค. และข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนธ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ