นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้จะโต 4-5% แม้จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ เห็นว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบในเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย เพราะยังมีความกังวลในเรื่องของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอาจจะได้รับแรงกดดันมาจาก 2 ทาง คือ ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจที่จะขยายตัวดี และจากต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้จำเป็นต้องมีมาตรการดูแล แต่ก็คิดว่าอัตราดอกเบี้ยจะไม่อยู่ในระดับที่ทำให้กระทบกกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภาพรวม
ส่วนมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)ที่ให้ใช้เงินกองทุนน้ำมันมาชดเชยราคาน้ำมันดีเซล เพื่อชะลอการปรับขึ้นราคาขายปลีกในประเทศไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรวานนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้รัฐบาลจะดูแลสถานะกองทุนน้ำมันไม่ให้เกิดปัญหา และสามารถอยู่ได้จนถึงสิ้น ก.พ.นี้แน่นอน หลังจากนั้นรัฐบาลจะมาประเมินอีกครั้งว่าจะใช้แนวทางใดมารองรับปัญหาต่อไป
พร้อมย้ำว่า ในส่วนมาตรการปฏิรูปประเทศไทยในเรื่องของ LPG นั้น จะเข้ามามีส่วนช่วยในการเพิ่มกำลังของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในเรื่องของดูแลเสถียรภาพราคาน้ำมันได้ด้วย โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะพิจารณาตามความเหมาะสม และจะดูโดยไม่เกิดภาระกับภาครัฐจนส่งผลทำให้ไปกระทบกับฐานะการเงินการคลัง และอาจจะส่งผลผลกระทบต่อเนื่องไปถึงการปรับขึ้นราคาสินค้า