นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ออกประกาศผลการจัดสรรปริมาณการนำเข้าหล็กและเหล็กกล้าที่ได้รับสิทธิการยกเว้นภาษีศุลกากรภายใต้ความตกลงระหว่างไทยกับญี่ปุ่น (JTEPA) ในปี 2554 โดยแบ่งสินค้าออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
กลุ่มที่ 1 ผู้ประกอบกิจการค้าเหล็กหรือเหล็กกล้าเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง มีทั้งสิ้น 53 ราย จำนวนที่จัดสรร 500,000 ตัน แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ปริมาณ 495,000 ตัน พิจารณาจัดสรรให้แก่ผู้ที่มีประวัติการนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นตามประวัติการนำเข้าของแต่ละรายเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลังจากปี 2554
ส่วนที่ 2 ปริมาณ 5,000 ตัน พิจารณาจัดสรรให้แก่ผู้ขอรับการจัดสรรที่ไม่มีประวัติการนำเข้ารายละไม่เกิน 1,000 ตัน หากกรณีที่ยื่นขอรับการจัดสรรรวมกันมากกว่าปริมาณการจัดสรรรวม จะปรับลดตามสัดส่วนของปริมาณที่ยื่นขอรับการจัดสรร หากยื่นขอรับน้อยกว่าจัดสรรรวม จะนำส่วนที่เหลือไปรวมกับปริมาณโควตาที่เหลือจากการจัดสรรให้แก่ผู้ที่มีประวัติการนำเข้าจากญี่ปุ่น เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ที่มีประวัติการนำเข้าต่อไป (อยู่ระหว่างการเปิดให้ยื่นคำขอรับการจัดสรร และเมื่อได้จัดสรรเสร็จแล้ว จะประกาศให้ทราบอีกครั้ง)
สำหรับกลุ่มที่ 2 ผู้นำเข้าเหล็กแผ่นรีดร้อนมารีดเย็นต่อ เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องมี 2 ราย จำนวนจัดสรร 221,000 ตัน พิจารณาจัดสรรตามผลการหารือร่วมกันระหว่างผู้นำเข้า สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย และสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประกอบกับประวัติการนำเข้าจากญี่ปุ่น
กลุ่มที่ 3 ผู้นำเข้าเหล็กรีดร้อนมารีดเย็นต่อ เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ หรือชิ้นส่วนและอุปกรณ์ประกอบยานยนต์ หรือเป็นผู้ผลิตยานยนต์ หรือชิ้นส่วนและอุปกรณ์ประกอบยานยนต์มี 2 ราย จำนวน 280,000 ตัน โดยพิจารณาจัดสรรตามผลการหารือร่วมกันระหว่างผู้นำเข้า สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย และสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประกอบกับประวัติการนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นของแต่ละราย