ราคาถ่านหินพุ่งหลังภาวะน้ำท่วมในออสเตรเลียกระทบผลผลิต

ราคาถ่านหินสำหรับโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน สู่ระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 2 ปี และราคาถ่านหินสำหรับอุตสาหกรรมผลิตเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.7% หลังฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและภาวะน้ำท่วมส่งผลให้ผลผลิตในออสเตรเลีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกถ่านหินรายใหญ่สุดของโลกลดลง

ไอเอชเอส แมคโคลสกีย์ ผู้ให้บริการข้อมูลถ่านหินของอังกฤษระบุว่า ราคาถ่านหินประเภทให้ความร้อน (thermal coal) ณ ท่าเรือนิวคาสเซิลของรัฐนิวเซาธ์เวลส์ ซึ่งเป็นราคาอ้างอิงสำหรับตลาดเอเชีย ทะยานขึ้น 6.70 ดอลลาร์ หรือ 5.1% แตะ 138.50 ดอลลาร์ต่อตันในช่วงสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 14 มกราคม ซึ่งเป็นราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2551

เหตุอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 50 ปีของรัฐควีนส์แลนด์ อาจส่งผลต่อยอดขายถ่านหินคิดเป็นมูลค่าความเสียหายถึง 2.3 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (2.3 พันล้านดอลลาร์) โดยสภาทรัพยากรของรัฐควีนส์แลนด์ประเมินว่า มีเหมืองแร่เพียง 15% เท่านั้น ที่สามารถดำเนินงานได้เต็มกำลังการผลิต โดย บีเอชพี บิลลิตัน และ เอ็กซ์สตราตา เป็นหนึ่งในบริษัทที่ออกมาประกาศว่า การส่งมอบของบริษัทอาจล่าช้า

ไอเอชเอส แมคโคลสกีย์รายงานว่า ถ่านโค้กของออสเตรเลียมีราคาขายเฉลี่ยที่ 280 ดอลลาร์ต่อตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากราคา 256 ดอลลาร์ต่อตันในสัปดาห์ก่อนหน้า และเป็นราคาสูงสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน

วู้ด แมกเคนซี บริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานกล่าวว่า ราคาถ่านโค้กที่ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเหล็กอาจปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 400-500 ดอลลาร์ต่อตันภายหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้

ด้านเนชั่นแนล ออสเตรเลีย แบงก์ ประเมินว่า เหตุอุทกภัยอาจทำให้ผลผลิตถ่านหินทั้งสองชนิดลดลงราว 15 ล้านตัน และเหมืองแร่บางแห่งอาจต้องใช้ระยะเวลาถึง 6 สัปดาห์จึงจะกลับมาดำเนินการผลิตได้

ทั้งนี้ ออสเตรเลียเป็นผู้ส่งออกถ่านหินสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กรายใหญ่สุด และเป็นรองเพียงอินโดนีเซียในการส่งออกถ่านหินที่ใช้ในโรงไฟฟ้า โดยเว็บไซต์ของสมาคมถ่านหินโลกรายงานว่า ออสเตรเลียมียอดส่งออกถ่านหินทั้ง 2 ชนิดจำนวน 259 ล้านตันในปี 2552