สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ม.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ซึ่งทำให้สัญญาทองคำมีมูลค่าน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองเงินสกุลอื่นๆ แต่สัญญาโลหะทองแดงซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขสร้างงานที่ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 2.00 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 1,370.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,365.50 - 1,378.90 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 11.1 เซนต์ ปิดที่ 28.801 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 5.8 เซนต์ ปิดที่ 4.37 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 9.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,838.10 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 9.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 819.75 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง โดยดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ ร่วงลง 0.6% ซึ่งการอ่อนตัวลงของดอลลาร์ช่วยให้สัญญาทองคำมีมูลค่าที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองเงินสกุลอื่น
นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้ปัจจัยหนุนจากความต้องการทองคำแท่งที่สูงขึ้นในภูมิภาคเอเชีย ก่อนที่เทศกาลตรุษจีนจะเริ่มขึ้นในเดือนก.พ. ซึ่งคาดว่าเทศกาลดังกล่าวจะช่วยหนุนสัญญาทองคำให้ปรับตัวขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม สัญญาโลหะทองแดงร่วงลงอย่างหนัก หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ตัวเลขการสร้างบ้านประจำเดือนธ.ค.ปี 2553 ร่วงลงแตะระดับ 529,000 หลังต่อปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี