นายพรชัย ลิมปภาส ผู้ช่วยผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส.ได้อนุมัติวงเงินสินเชื่อจำนวนกว่า 500 ล้านบาท เพื่อให้เกษตรกร สถาบันเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชนที่ดำเนินธุรกิจรวบรวมและแปรรูปลำไยอบแห้ง นำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน ในวงเงินไม่เกินร้อยละ 80 ของราคาผลผลิตที่นำมาใช้ค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ย MLR ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่อัตราร้อยละ 6.75 ต่อปี ในกรณีเป็นสถาบันเกษตรกรอยู่ที่อัตราร้อยละ 4.75 ต่อปี โดยเริ่มตั้งแต่ม.ค.-มิ.ย.54
สืบเนื่องจากการที่เกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตลำไยอบแห้งประสบภาวะความเดือดร้อน เนื่องจากในปีนี้ปริมาณลำไยสดมีการปรับตัวสูงขึ้นเพราะมีปริมาณออกสู่ตลาดน้อย เมื่อนำลำไยสดมาผ่านกระบวนการแปรรูปเป็นลำไยอบแห้งจึงทำให้มีต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 2-3 เท่าตัว จากราคาที่เพิ่มสูงขึ้นดังกล่าวทำให้ตลาดสำคัญของไทย คือ ประเทศจีน ชะลอคำสั่งซื้อโดยเล็งเห็นว่ายังคงมีลำไยอบแห้งทั้งเปลือกและลำไยอบแห้งเนื้อสีทองค้างสต็อคอยู่ในมือเกษตรกรอีกจำนวนมาก หากรอเวลาจะสามารถซื้อได้ในราคาถูก ส่งผลให้ราคาผลผลิตลำไยอบแห้งในภาพรวมตกต่ำ ซึ่งหากเกษตรกรจำหน่ายออกไปก็จะประสบปัญหาการขาดทุน
นอกจากนี้ ยังผ่อนผันระยะเวลาการชำระหนี้ของเกษตรกรผู้ผลิตลำไยอบแห้งที่เป็นหนี้เงินกู้เดิม พร้อมกับขยายระยะเวลาชดเชยดอกเบี้ยจากกำหนดเดิมในวันที่ 31 ธันวาคม 2553 ออกไปอีก 3 เดือน
และเพื่อให้ปัญหาทางการตลาดลำไยอบแห้งปี 53 เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ธ.ก.ส. ได้มอบหมายให้สาขาในแต่ละจังหวัดเผยแพร่ข้อมูลราคาผลิตผลให้เกษตรกรทราบอย่างต่อเนื่อง และขอให้พี่น้องเกษตรกรอย่าได้ตื่นตระหนกรีบนำลำไยอบแห้งสต็อคคงค้างในมือออกมาจำหน่ายในระยะนี้ เพราะในวงการค้าคาดการณ์ว่าราคาตลาดผลิตผลลำไยอบแห้งจะเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนก.พ.หรือช่วงตรุษจีน เป็นต้นไป