สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (4 ก.พ.) หลังเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะทำให้ความต้องการลงทุนในทองคำลดลง โดยวานนี้ รัฐบาลสหรัฐเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนมกราคมที่ลดลงเหนือความคาดหมายสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐเริ่มปรับตัวดีขึ้น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปรับตัวลง 4 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,349.00 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,345.50 - 1,361 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 33.1 เซนต์ ปิดที่ 29.059 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 3.5 เซนต์ ปิดที่ 4.5795 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ขยับขึ้น 1.7 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,845.80 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 4.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 816.45 ดอลลาร์/ออนซ์
ทั้งนี้ ในการซื้อขายช่วงเช้า ราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ระดับ 1,361 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งในอียิปต์ได้ผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะการลงทุนทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำอ่อนตัวลง หลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราว่างงานเดือนมกราคม 2554 ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2552 หรือในรอบเกือบสองปี ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานเดือนมกราคมจะดีดตัวขึ้นแตะ 9.5% หลังจากที่ในเดือนธันวาคม 2553 อัตราว่างงานสหรัฐลดลงสู่ระดับ 9.4% จาก 9.8% ในเดือนพฤศจิกายน
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดแรงงานที่ฟื้นตัวขึ้นถือเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำ โดยถึงแม้รายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร ประจำเดือนมกราคม 2554 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 36,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยที่สุดในรอบสี่เดือน และต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 145,000 ตำแหน่ง แต่นักวิเคราะห์มองว่า การจ้างงานที่อ่อนแอนั้นเป็นเพราะสภาพอากาศที่เลวร้ายในเดือนที่แล้ว
นอกจากนี้ รายงานอัตราว่างงานที่ร่วงลงยังช่วยหนุนให้เงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้น โดยดอลลาร์สหรัฐเดินหน้าขึ้นเป็นวันที่ 3 เมื่อเทียบกับยูโรและเยน ซึ่งทำให้ทองคำ ซึ่งซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ มีความน่าดึงดูดใจลดลง เพราะราคาที่แพงขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลต่างประเทศ